พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/287/316
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
อกุศลเป็นนิตย์ ตายไปแล้วย่อมถึงที่มืด มีหัวลงตกไปสู่นรก นี้ชื่อ
ว่ากลิ่นดิบของชนเหล่านั้น เนื้อและโภชนะไม่ชื่อว่ากลิ่นดิบเลย การ
ไม่กินปลาและเนื้อ ความเป็นคนประพฤติเปลือย ความเป็นคนโล้น
การเกล้าชฎา ความเป็นผู้หมักหมมด้วยธุลี การครองหนังเสือพร้อมทั้ง
เล็บการบำเรอไฟ หรือแม้ว่าความเศร้าหมองในกายที่เป็นไปด้วยความ
ปรารถนา ความเป็นเทวดา การย่างกิเลสเป็นอันมากในโลก มนต์และ
การเซ่นสรวง ยัญและการซ่องเสพฤดู ย่อมไม่ยังสัตว์ผู้ไม่ข้ามพ้นความ
สงสัยให้หมดจดได้ ผู้ใด คุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหกเหล่านั้น รู้แจ้ง
อินทรีย์แล้ว ตั้งอยู่ในธรรม ยินดีในความเป็นคนตรงและอ่อนโยน
ล่วงธรรมเป็นเครื่องข้องเสียได้ ละทุกข์ได้ทั้งหมดผู้นั้นเป็นนักปราชญ์
ไม่ติดอยู่ในธรรมที่เห็นแล้ว และฟังแล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสบอกความข้อนี้บ่อยๆ ด้วยประการฉะนี้ ติสส
ดาบสผู้ถึงฝั่งแห่งมนต์ได้ทราบความข้อนั้นแล้วพระผู้มีพระภาคผู้เป็น
มุนี ทรงประกาศด้วยพระคาถาทั้งหลาย อันวิจิตรว่า บุคคลผู้ที่ไม่มีกลิ่น
ดิบ ผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้ว ตามรู้ได้ยาก ติสสดาบสฟัง
บทสุภาษิตซึ่งไม่มีกลิ่นดิบ อันเป็นเครื่องบรรเทาเสียซึ่งทุกข์ทั้งปวง
ของพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นผู้มีใจนอบน้อมถวายบังคมพระบาทของตถาคต
ได้ทูลขอบรรพชาที่อาสนะนั่นแล ฯ
จบอามคันธสูตรที่ ๒
หิริสูตรที่ ๓
[๓๑๖] บุคคลผู้ไม่มีหิริ เกลียดหิริ กล่าวอยู่ว่าเราเป็นเพื่อนของท่าน ไม่เอื้อเฟื้อ
การงานแห่งมิตรของตน พึงรู้ว่า นั่นไม่ใช่มิตรของเรา มิตรใดพูดวาจา
น่ารัก แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ในมิตรทั้งหลาย บัณฑิตย่อมกำหนด
รู้ผู้นั้นว่าไม่ทำตามคำพูด มิตรใดหวังความแตกกัน ไม่ประมาทคอย