พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/283/936 937 938 939
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เหล่าใดกำจัดราคะและโทสะก้าวล่วงอวิชชา ยังเป็นพระเสขะ ยินดี
ในธรรมเครื่องปราศจากการสั่งสม เป็นผู้ไม่ประมาท ตามศึกษาอยู่
เรานอบน้อมท่านเหล่านั้น ฯ
[๙๓๖] มา. ข้าแต่ท้าวสักกะ ได้ยินว่า พระองค์ทรงนอบน้อม บุคคลเหล่าใด
บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลกเทียว ข้าแต่ท้าววาสวะ พระ
องค์ทรงนอบน้อมบุคคลเหล่าใดแม้ข้าพระองค์ก็ขอนอบน้อมบุคคล
เหล่านั้น ฯ
[๙๓๗] ท้าวมฆวาสุชัมบดีเทวราช ผู้เป็นประมุขของเทวดาทั้งหลาย ครั้นตรัส
ดังนี้แล้ว ทรงน้อมนมัสการพระผู้มีพระภาค แล้วเสด็จขึ้นรถ ฯ
ตติยสักกนมัสนสูตรที่ ๑๐
[๙๓๘] สาวัตถีนิทาน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ท้าวสักกะจอมเทพได้ตรัสกะมาตลีสังคาหก
เทพบุตรว่า ดูกรสหายมาตลี ท่านจงเตรียมจัดรถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัว เราจะไป
ยังพื้นที่อุทยานเพื่อชมภูมิภาคอันงดงาม ดูกรภิกษุทั้งหลายมาตลีสังคาหกเทพบุตรทูลรับพระดำรัส
ท้าวสักกะจอมเทพว่า ขอเดชะ ขอความเจริญจงมีแด่พระองค์ ดังนี้แล้ว จัดเตรียมรถม้าอาชาไนย
ซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวเสร็จแล้ว กราบทูลแก่ท้าวสักกะจอมเทพว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์
รถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวสำหรับพระองค์ จัดเตรียมไว้เสร็จแล้ว ขอพระองค์
ทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ทราบว่า ครั้งนั้นแลท้าวสักกะจอม
เทพขณะเสด็จลงจากเวชยันตปราสาท ทรงประนมอัญชลีน้อมนมัสการพระภิกษุสงฆ์อยู่ ฯ
[๙๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มาตลีสังคาหกเทพบุตรได้ทูลถามท้าวสักกะ
จอมเทพด้วยคาถาว่า
นรชนผู้นอนทับกายอันเปื่อยเน่าเหล่านี้ พึงนอบน้อมพระองค์นั่นเทียว
พวกเขาจมอยู่ในซากอันเต็มไปด้วยความหิวและความกระหาย ข้าแต่
ท้าววาสวะ เพราะเหตุไรหนอพระองค์จึงทรงโปรดปรานท่านผู้ไม่มีเรือน