พระสุตตันตปิฎกไทย: 16/281/701 702 703 704
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
[๗๐๑] พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นพระสุชาตมาแต่ที่ไกลเทียว แล้วตรัสกะ
ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรนี้ย่อมงามด้วยสมบัติสองอย่าง คือมีรูปงาม น่าดู
น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยผิวพรรณอันงามยิ่งนัก และกระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อัน
ยอดเยี่ยม ซึ่งกุลบุตรทั้งหลายออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วย
ตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ฯ
[๗๐๒] พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
คาถาประพันธ์ต่อไปว่า
ภิกษุนี้ย่อมงามด้วยใจอันซื่อตรงหนอ เป็นผู้หลุดพ้น เป็นผู้พราก
เป็นผู้ดับ เพราะไม่ถือมั่น ชำนะมารพร้อมทั้งพาหนะได้แล้ว
ย่อมทรงไว้ซึ่งอัตภาพมีในที่สุด ดังนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๕
๖. ภัททีสูตร
[๗๐๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านพระลกุณฏกภัททิยะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯ
[๗๐๔] พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นท่านพระลกุณฏกภัททิยะมาแต่ที่ไกลเทียว
แล้วตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห็นหรือไม่ ซึ่งภิกษุกำลังมาอยู่โน่น
มีวรรณะไม่งาม ไม่น่าดู เตี้ย เป็นที่ดูแคลนของภิกษุทั้งหลาย ฯ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า เห็นพระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั่นแล มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก อนึ่ง สมาบัติที่เธอ
ไม่เคยเข้า เธอก็ได้โดยง่าย เธอกระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ซึ่งกุลบุตร
ทั้งหลายออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึง
อยู่ ฯ