พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/280/923 924 925 926 927
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๙๒๓] ท้าวสักกะจอมเทพประทับ ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง เรียบร้อยแล้ว ได้ทูล
ถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
เมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้เป็นสัตว์ปรารถนาบุญบูชาอยู่ กระทำบุญมีอุปธิเป็น
ผล ทานที่ให้แล้วในที่ไหนมีผลมาก พระพุทธเจ้าข้า ฯ
[๙๒๔] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ท่านผู้ปฏิบัติ ๔ จำพวก ท่านผู้ตั้งอยู่ในผล ๔ จำพวก นั่นคือพระสงฆ์
เป็นผู้ซื่อตรง ประกอบด้วยปัญญาและศีล เมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้เป็น
สัตว์ปรารถนาบุญบูชาอยู่ กระทำบุญมีอุปธิเป็นผล ทานที่ให้แล้วใน
สงฆ์มีผลมาก ฯ
วันทนสูตรที่ ๗
[๙๒๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิก
เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ
ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงหลีกเร้นอยู่ในที่พักกลางวัน ฯ
ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพ และท้าวสหัมบดีพรหมเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้ประทับยืนพิงบานพระทวารอยู่องค์ละบาน ฯ
[๙๒๖] ลำดับนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพได้ตรัสพระคาถานี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า ทรงชนะสงครามแล้ว ทรงปลงภาระลงแล้ว
ไม่ทรงมีหนี้ ขอเชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้นเสด็จเที่ยวไปในโลกเถิด อนึ่ง
จิตของพระองค์หลุดพ้นดีแล้ว เหมือนพระจันทร์ในราตรีวันเพ็ญ ฉะนั้น ฯ
[๙๒๗] ท้าวสหัมบดีพรหมตรัสค้านว่า ดูกรจอมเทพ พระองค์ไม่ควรกราบทูลพระ
ตถาคตอย่างนี้เลย แต่ควรจะกราบทูลพระตถาคตอย่างนี้แลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า ทรงชนะสงครามแล้ว ทรงเป็นผู้นำพวก ไม่
ทรงมีหนี้สิน ขอเชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้นเสด็จเที่ยวไปในโลก ขอเชิญ
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมจักมีผู้รู้ทั่วถึงธรรมเป็นแน่ ฯ