พระสุตตันตปิฎกไทย: 16/273/681 682 683
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุรูปหนึ่งในพระธรรมวินัยนี้เข้าไปเที่ยวในสกุลเกิน
เวลา ภิกษุทั้งหลายกล่าวกะเธออย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุ อย่าเข้าไปเที่ยวในสกุลเกินเวลาเลย ภิกษุ
นั้นถูกพวกภิกษุว่ากล่าวอยู่ย่อมไม่พอใจ ฯ
[๖๘๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว มีแมวได้ยืนคอย
จับลูกหนูอยู่ในที่กองหยักเยื่อที่ทางระบายคูถโคในบ้าน ระหว่างที่ต่อเรือนสองหลัง ด้วยคิดว่า
ลูกหนูจักไปหาเหยื่อในที่ใด เราจักจับมันกินเสียในที่นั้น ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ลูกหนูได้
ออกไปหาเหยื่อ แมวจับลูกหนูนั้นแล้วรีบกัดกลืนลงไป ลูกหนูนั้นกัดทั้งไส้ใหญ่และไส้น้อยของแมว
นั้น แมวนั้นย่อมเข้าถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย ซึ่งมีข้อนั้นเป็นเหตุ ฯ
[๖๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เวลาเช้า นุ่ง
แล้วถือเอาบาตรและจีวรเข้าไปสู่บ้านหรือนิคม เพื่อบิณฑบาตมีกายวาจาและจิตอันไม่รักษาแล้ว
มีสติไม่เข้าไปตั้งไว้แล้ว มีอินทรีย์อันไม่สำรวมแล้ว เธอเห็นมาตุคามในบ้านหรือนิคมนั้น นุ่งห่ม
ผ้าลับๆ ล่อๆ ความกำหนัดย่อมรบกวนจิตของเธอ เพราะเห็นมาตุคามนุ่งห่มผ้าลับๆ ล่อๆ เธอ
มีจิตอันราคะรบกวน ชื่อว่าย่อมเข้าถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย การที่เธอบอกคืนสิกขาเวียนมา
เพื่อหินเพศนั้น ชื่อว่าเป็นความตายในอริยวินัย ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่เธอต้องอาบัติเศร้าหมอง
อย่างใดอย่างหนึ่ง การปรากฏแห่งการออกจากอาบัติตามที่ต้องนั้น ชื่อว่าเป็นทุกข์ปางตายทีเดียว
เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักมีกายวาจาและจิตอันรักษาแล้ว มีสติเข้า
ไปตั้งไว้แล้ว มีอินทรีย์อันสำรวมแล้ว เข้าไปสู่บ้านหรือนิคม เพื่อบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
๑๑. สิคาลสูตรที่ ๑
[๖๘๓] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอได้ฟังเรื่องของ
สุนัขจิ้งจอกผู้อยู่ในปัจจุสมัยแห่งราตรีแล้วมิใช่หรือ ฯ