พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/267/681 682 683
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ภัยยืนอยู่ ปราศจากการระแวงภัยนั่งอยู่ ปราศจากการระแวงภัยนอนอยู่. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?
เพราะภิกษุไม่อยู่ในทางของมารผู้ลามก ฉันนั้นเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เนื้อในป่า
อันเครื่องผูกอะไรๆ ไม่ผูกแล้ว ย่อมไปเพื่อหาอาหารตามความประสงค์ ฉันใด.
[๖๘๑] คำว่า วิญญู ในอุเทศว่า วิญฺญู นโร เสริต เปกฺขมาโน ดังนี้ ความว่า
ผู้รู้แจ้ง เป็นบัณฑิตผู้มีปัญญา มีปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ มีญาณ มีปัญญาแจ่มแจ้ง มีปัญญาเครื่อง
ทำลายกิเลส.
คำว่า นรชน ได้แก่สัตว์ มาณพ โปสชน บุคคล ชีวชน ชาตุชน ชันตุชน อินท
คูชน (ชนผู้ดำเนินโดยกรรมใหญ่) มนุชะ. ชื่อว่า เสรี ได้แก่เสรี ๒ อย่าง คือ ธรรมเสรี ๑
บุคคลเสรี ๑.
ธรรมเสรีเป็นไฉน? สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕
โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้ชื่อว่าธรรมเสรี.
บุคคลเสรีเป็นไฉน? บุคคลใดประกอบด้วยเสรีธรรมนี้ บุคคลนั้นท่านกล่าวว่า บุคคล
เสรี.
คำว่า นรชนที่เป็นวิญญู เมื่อเห็นธรรมอันถึงความเป็นเสรี ความว่า นรชนที่เป็น
วิญญู เมื่อเห็น เมื่อตรวจดู เมื่อเพ่งดู เมื่อพิจารณาดู ซึ่งธรรมอันถึงความเป็นเสรี เพราะ
ฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนที่เป็นวิญญู เมื่อเห็นธรรมอันถึงความเป็นเสรี พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือน
นอแรด ฉะนั้น เพราะเหตุนั้น พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้นจึงกล่าวว่า
มฤคในป่า อันเครื่องผูกอะไรมิได้ผูกแล้ว ย่อมไปเพื่อหาอาหาร
ตามความประสงค์ ฉันใด นรชนที่เป็นวิญญู เมื่อเห็นธรรมอัน
ให้ถึงความเป็นเสรี พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
[๖๘๒] ในท่ามกลางสหาย จำต้องมีการปรึกษาทั้งในที่อยู่ ที่ยืน ที่เดิน
และที่เที่ยวไป. บุคคลผู้เห็นการบรรพชาอันให้ถึงความเป็นเสรี
ที่พวกคนชั่วไม่ปรารถนา พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
[๖๘๓] การไปสบาย การมาสบาย ... การปราศรัยสบายกับบุคคลเหล่าใด บุคคลเหล่าใด
ท่านกล่าวว่า สหาย ในอุเทศว่า อามนฺตนา โหติ สหายมชฺเฌ วาเส ฐาเน คมเน จาริกาย
ดังนี้.