พระสุตตันตปิฎกไทย: 20/266/567
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
เป็นต่างๆ กัน เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเช่นนี้ ภรัณฑุดาบสกาลามโคตรได้กล่าวกะเจ้าศากยะ
พระนามว่ามหานามะว่า ดูกรมหานามะท่านจงกราบทูลว่าเป็นอย่างเดียวกัน เมื่อภรัณฑุดาบส
กาลามโคตรกล่าวเช่นนี้พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะเจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะว่า ดูกรมหา
นามะ ท่านจงกล่าวว่าเป็นต่างๆ กัน แม้ครั้งที่สอง ภรัณฑุดาบสกาลามโคตรได้กล่าวกะ
เจ้าศากยพระนามว่ามหานามะว่า ดูกรมหานามะ ท่านจงกราบทูลว่า เป็นอย่างเดียวกัน แม้ครั้ง
ที่สอง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะเจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะว่าดูกรมหานามะ ท่านจงกล่าว
ว่า เป็นต่างๆ กัน แม้ครั้งที่สาม ภรัณฑุดาบสกาลามโคตร ก็ได้กล่าวกะเจ้าศากยะพระนามว่า
มหานามะว่า ดูกรมหานามะท่านจงกราบทูลว่า เป็นอย่างเดียวกัน แม้ครั้งที่สาม พระผู้มีพระภาค
ก็ได้ตรัสกะเจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะว่า ดูกรมหานามะ ท่านจงกล่าวว่า เป็นต่างๆ กัน
ครั้งนั้นแล ภรัณฑุดาบสกาลามโคตรได้คิดว่า เราถูกพระสมณโคดมรุกรานเอาแล้ว ต่อหน้า
เจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะ ผู้มีศักดิ์ใหญ่ถึงสามครั้ง ผิฉะนั้น เราพึงหลีกไปเสียจากนคร
กบิลพัสดุ์ ลำดับนั้นแล ภรัณฑุดาบสกาลามโคตร ได้หลีกไปแล้วจากนครกบิลพัสดุ์ เขาได้หลีก
ไปแล้วเหมือนอย่างนั้นทีเดียว มิได้กลับมาอีกเลย ฯ
หัตถกสูตร
[๕๖๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไป หัตถกเทพบุตรมี
รัศมีงามยิ่งนัก ทำพระเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสวเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ คิดว่า
จักยืนตรงพระพักตร์พระผู้มีพระภาคแล้วทรุดลงนั่งไม่สามารถที่จะยืนอยู่ได้ เปรียบเหมือนเนยใส
หรือน้ำนมที่เขาเทลงบนทรายย่อมจมลง ตั้งอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด หัตถกเทวบุตรก็ฉันนั้นเหมือน
กัน คิดว่า จักยืนอยู่ตรงพระพักตร์พระผู้มีพระภาคแล้วทรุดลงนั่ง ไม่สามารถที่จะยืนอยู่ได้
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะหัตถกเทพบุตรว่าดูกรหัตถกะ ท่านจงนิรมิตอัตภาพอย่าง
หยาบๆ หัตถกเทพบุตรทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว นิรมิตอัตภาพอย่างหยาบ ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามว่า ดูกร