พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/265/182
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน ดูกรอาวุโสทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เป็นผู้มีความเข้าใจ
ได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว แต่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม
ที่ได้ทรงจำแล้ว ๑ รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑ ไม่เป็นผู้มีวาจางาม กล่าว
ถ้อยคำไพเราะประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ ไม่ชี้แจง
สพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ร่าเริง ดูกรอาวุโสทั้งหลายภิกษุประกอบ
ด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่สามารถ
ในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น ฯ
จบสูตรที่ ๑๔
ลัจฉาสูตรที่ ๘
[๑๘๒] ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการเป็นผู้สามารถในอัน
ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เป็นผู้มีความเข้าใจ
ได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลายไม่เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่
ได้ทรงจำไว้แล้วหารู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ เป็นผู้มีวาจางาม กล่าว
ถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ ๑
ชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ร่าเริง ๑ ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุ
ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น
แต่ไม่สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน ฯ
จบสูตรที่ ๑๕