พระสุตตันตปิฎกไทย: 20/264/565 566
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
เป็นผู้สามัคคีกัน ปรองดองกัน ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ ต่างมองดูกันและกันด้วย
นัยน์ตาอันแสดงความรักอยู่ ทิศเช่นนี้ย่อมผาสุกแก่เราแม้แต่จะไป จะป่วยกล่าวไปใยถึงการ
คิดในใจเล่า ในเรื่องนี้เราสันนิษฐานได้ว่าท่านผู้มีอายุเหล่านั้น ได้ละธรรม ๓ ประการนี้ได้
เสียแล้ว ได้ทำให้มากซึ่งธรรม๓ ประการนี้เป็นแน่ ฯ
โคตมสูตร
[๕๖๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โคตมกเจดีย์ ใกล้พระนครเวสาลี
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายทูลรับ
สนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง
แล้ว จึงแสดงธรรม ไม่รู้ไม่แสดง แสดงธรรมมีเหตุ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ แสดงธรรมมี
ปาฏิหาริย์ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว
จึงแสดงธรรม ไม่รู้ไม่แสดง แสดงธรรมมีเหตุไม่ใช่แสดงไม่มีเหตุ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์
ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์ท่านทั้งหลายควรทำโอวาท ควรทำอนุสาสนี ก็แหละท่านทั้งหลาย
ควรที่จะยินดี ควรที่จะชื่นชม ควรที่จะโสมนัสว่า พระผู้มีพระภาคตรัสรู้เองโดยชอบพระธรรม
อันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว พระสงฆ์ปฏิบัติชอบแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำไวยากรณภาษิต
นี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาค ก็แหละเมื่อพระผู้มีพระภาค
ตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ พันโลกธาตุได้หวั่นไหวแล้ว ฯ
ภรัณฑุสูตร
[๕๖๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในโกศลชนบท เสด็จถึงพระนครกบิล
พัสดุ์ เจ้าศากยะพระนามว่า มหานามะ ได้ทรงสดับข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จถึงพระนคร
กบิลพัสดุ์ โดยลำดับแล้ว ครั้งนั้นแลเจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค