พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/262/176 177

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
เล่ม 23
หน้า 262
ที่ทรงจำแล้ว ๑รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑ เป็นผู้มีวาจางามกล่าวถ้อยคำ ไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวยไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ ๑ เป็นผู้ชี้แจง สพรหมจารีให้เห็นแจ้งแล้ว ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ร่าเริง ๑ ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุผู้ ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนและผู้อื่น ฯ จบสูตรที่ ๘ ลัจฉาสูตรที่ ๒
[๑๗๖] ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการเป็นผู้สามารถในอัน ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนและผู้อื่น ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่มีความเข้าใจได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว ๑ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ได้ทรงจำแล้ว ๑ รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑ เป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ ๑ เป็นผู้ชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทานให้อาจหาญ ร่าเริง ๑ ดูกร อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนและผู้อื่น ฯ จบสูตรที่ ๙ ลัจฉาสูตรที่ ๓
[๑๗๗] ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเป็นผู้สามารถใน อันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรอาวุโสทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็ว ในกุศลธรรมทั้งหลาย ๑ เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว ๑ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ได้ทรง