พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/256/295
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ข้ามความสงสัยได้แล้ว มีลูกศรปราศไปแล้ว ภิกษุนั้นชื่อว่าย่อมละ
ฝั่งในและฝั่งนอกเสียได้ เหมือนงูละคราบเก่าที่คร่ำคร่าแล้ว ฉะนั้น ฯ
จบอุรคสูตรที่ ๑
ธนิยสูตรที่ ๒
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
[๒๙๕] เรามีข้าวสำเร็จแล้ว มีน้ำนมรีด (จากแม่โค) รองไว้แล้วมีการอยู่กับ
ชนผู้เป็นบริวารผู้มีความประพฤติอนุกูลเสมอกันที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำมหี
เรามุงบังกระท่อมแล้ว ก่อไฟไว้แล้วแน่ะฝน หากว่าท่านย่อมปรารถนา
ก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
เราเป็นผู้ไม่โกรธ มีกิเลสดุจหลักตอปราศไปแล้ว เรามีการอยู่สิ้นราตรี
หนึ่งที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำมหี กระท่อมมีหลังคาอันเปิดแล้ว ไฟดับแล้ว
แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
เหลือบและยุงย่อมไม่มี โคทั้งหลายย่อมเที่ยวไปในประเทศใกล้แม่น้ำ
ซึ่งมีหญ้างอกขึ้นแล้ว พึงอดทนแม้ซึ่งฝนที่ตกลงมาได้ แน่ะฝน หาก
ว่าท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
ก็เราผูกแพไว้แล้ว ตกแต่งดีแล้ว กำจัดโอฆะ ข้ามถึงฝั่งแล้วความ
ต้องการด้วยแพย่อมไม่มี แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมา
เถิด ฯ
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
ภริยาเชื่อฟังเรา ไม่โลเล เป็นที่พอใจ อยู่ร่วมกันสิ้นกาลนาน เราไม่
ได้ยินความชั่วอะไรๆ ของภริยานั้นแน่ะฝน หากท่านปรารถนาก็เชิญ
ตกลงมาเถิด ฯ