พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/254/321 322 323
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
[๓๒๑] ดูกรบพิตร ถ้าเช่นนั้น อาตมภาพจักยกอุปมาถวายบพิตร บุรุษ ผู้เป็น
วิญญูชนในโลกนี้ บางพวกย่อมทราบเนื้อความของคำพูดด้วยอุปมา ดูกร บพิตร เรื่องเคยมีมาแล้ว
บุรุษผู้เลี้ยงสุกรคนหนึ่งได้ออกจากบ้านของตนไปยังบ้าน อื่น ได้เห็นคูถแห้งเป็นอันมากซึ่งเขาทิ้ง
ไว้ในบ้านนั้น ครั้นแล้วเขาได้มีความคิดขึ้น ว่าคูถแห้งเป็นอันมากซึ่งเขาทิ้งไว้นี้ เป็นอาหาร
สุกรของเรา ถ้ากระไร เราควรขน คูถแห้งไปจากที่นี้ เขาปูผ้าห่มลงแล้ว โกยเอาคูถแห้งเป็น
อันมาก แล้วผูกให้เป็น ห่อทูนศีรษะเดินไป ในระหว่างทาง เขาถูกฝนใหญ่แล้ว เขาเปรอะ
เปื้อนไปด้วย คูถตลอดถึงปลายเล็บ พาเอาห่อคูถซึ่งล้นไหลไปแล้ว พวกมนุษย์เห็นเขาแล้ว ได้
พูดอย่างนี้ว่า พนาย ท่านเป็นบ้าหรือเปล่า ท่านเสียจริตหรือหนอ ไหนท่านจึง เปรอะเปื้อนไป
ด้วยคูถตลอดถึงปลายเล็บ จักนำเอาห่อคูถซึ่งล้นไหลอยู่ไปทำไม บุรุษนั้นตอบว่า พนาย ใน
ข้อนี้ พวกท่านนั่นแหละเป็นบ้า พวกท่านเสียจริต ความจริง สิ่งนี้เป็นอาหารสุกรของเรา
ดูกรบพิตร บพิตรก็ฉันนั้นเหมือนกัน น่า จะปรากฏเหมือนบุรุษผู้ทูนห่อคูถ ขอบพิตรจงสละคืน
ทิฐิอันลามกนั้นเสียเถิด ขอ บพิตรจงปล่อยวางทิฐิอันลามกนั้นเสียเถิด ทิฐิอันลามกนั้นอย่า
ได้มีแก่บพิตร เพื่อ มิใช่ประโยชน์ เพื่อความทุกข์ สิ้นกาลนานเลย ฯ
[๓๒๒] ท่านกัสสปกล่าวอย่างนั้นก็จริง ถึงอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็ยังหา อาจสละคืน
ทิฐิอันลามกนี้เสียได้ไม่ พระราชาปเสนทิโกศลก็ดี พระราชาภายนอก ทั้งหลายก็ดี ทรงรู้จักข้าพเจ้าว่า
พญาปายาสิ มีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า แม้ เพราะเหตุนี้ โลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุด
เกิดขึ้นไม่มี ผลวิบากของกรรมที่สัตว์ ทำดีทำชั่วไม่มี ท่านกัสสป ถ้าข้าพเจ้าจักสละคืนทิฐิอัน
ลามกนี้ ก็จักมีผู้ว่าข้าพเจ้า ได้ว่า พญาปายาสิ ช่างโง่เขลาเหลือเกิน ไม่เฉียบแหลม มีปรกติ
ถือสิ่งที่ผิด ข้าพเจ้าก็จักยึดทิฐินั้นไว้ เพราะความโกรธบ้าง เพราะความลบหลู่บ้าง เพราะ ความ
ตีเสมอบ้าง ฯ
[๓๒๓] ดูกรบพิตร ถ้าเช่นนั้น อาตมภาพจักยกอุปมาถวายบพิตร บุรุษผู้เป็น
วิญญูชนในโลกนี้บางพวก ย่อมทราบเนื้อความของคำพูดด้วยอุปมา ดูกร บพิตร เรื่องเคยมีมา
แล้ว นักเลงสกาสองคนเล่นสกากัน คนหนึ่งกลืนกินเบี้ยแพ้ ที่แล้วๆ มาเสีย นักเลงสกาคน
ที่สองได้เห็นนักเลงสกานั้นกลืนกินเบี้ยแพ้ที่แล้วๆ มา ครั้นแล้วได้พูดว่า ดูกรสหาย ท่านชนะ