พระสุตตันตปิฎกไทย: 9/250/272

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
เล่ม 9
หน้า 250
สีหนาท
[๒๗๒] ดูกรกัสสป ก็ข้อนี้เป็นฐานที่จะมีได้ คือ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมบันลือสีหนาท แต่บันลือในเรือนว่าง ไม่ใช่ในบริษัท ท่านพึงบอกปริพาชกพวกนั้นว่า ท่านทั้งหลายอย่าได้กล่าวอย่างนี้ พระสมณโคดมบันลือสีหนาท และบันลือในบริษัท มิใช่บันลือในเรือนว่าง ท่านพึงบอกอย่างนี้. ดูกรกัสสป ก็ข้อนี้เป็นฐานที่จะมีได้ คือ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมบันลือสีหนาท และบันลือในบริษัท แต่มิใช่บันลืออย่างองอาจ ท่านพึงบอก ปริพาชกพวกนั้นว่า ท่านทั้งหลายอย่าได้กล่าวอย่างนี้ พระสมณโคดมบันลือสีหนาท และบันลือ ในบริษัท ทั้งบันลืออย่างองอาจ ท่านพึงบอกอย่างนี้. ดูกรกัสสป ก็ข้อนี้เป็นฐานที่จะมีได้ คือ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมบันลือสีหนาท และบันลือในบริษัท ทั้งบันลืออย่างองอาจ แต่เทวดาและมนุษย์ มิได้ถามปัญหาเธอ ถึงถาม เธอก็พยากรณ์ไม่ได้ ถึงจะพยากรณ์ได้ ก็ยังจิตของเขาให้ยินดีด้วยการ พยากรณ์ปัญหาไม่ได้ ถึงให้ยินดีได้ เขาก็ไม่สำคัญจะฟัง ถึงฟัง ก็ไม่เลื่อมใส ถึงเลื่อมใส ก็ไม่ทำอาการของผู้เลื่อมใส ถึงทำ ก็ไม่ปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ถึงปฏิบัติ ก็ไม่ชื่นชม ท่านพึงบอกพวกเขาว่า พวกท่านอย่าได้กล่าวอย่างนี้ พระสมณโคดมบันลือสีหนาท และบันลือ ในบริษัท ทั้งบันลืออย่างองอาจ เทวดาและมนุษย์ย่อมถามปัญหาพระองค์ พระองค์ถูกถามปัญหา แล้วย่อมพยากรณ์แก่เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นได้ ยังจิตของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้นให้ยินดี ด้วยการพยากรณ์ปัญหา เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นย่อมสำคัญปัญหาพยากรณ์ว่า อันตนๆ ควรฟัง ครั้นฟังแล้ว ย่อมเลื่อมใส ครั้นเลื่อมใสแล้ว ย่อมทำอาการของผู้เลื่อมใส ย่อมปฏิบัติ เพื่อ ความเป็นอย่างนั้น และปฏิบัติแล้ว ย่อมชื่นชม ดูกรกัสสป ท่านพึงบอกอย่างนี้. ดูกรกัสสป ครั้งหนึ่งเราอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ เขตกรุงราชคฤห์ เพื่อนพรหมจรรย์ของท่าน คนหนึ่งในกรุงราชคฤห์นั้น ชื่อว่านิโครธปริพาชก ได้ถามปัญหาในตบะอันกีดกันกิเลสอย่างยิ่ง เราถูกถามแล้ว ได้พยากรณ์แก่เขา เมื่อเราพยากรณ์แล้วเขาปลื้มใจเหลือเกิน.