พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/245/284

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 245
เหลือโดยประการทั้งปวง และรู้ชัดซึ่งมรรคอันให้ถึงความสงบแห่งทุกข์ สมณพราหมณ์เหล่านั้น ถึงพร้อมด้วยเจโตวิมุติและปัญญาวิมุติ เป็นผู้ ควรเพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ได้สมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นผู้ไม่เข้าถึงชาติ และชรา ฯ จบสูตรที่ ๔ ๕. สีลสูตร
[๒๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่าใดถึงพร้อมแล้วด้วยศีล สมาธิปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสนะ เป็นผู้กล่าวสอน ให้รู้แจ้ง ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทานให้อาจหาญ ให้ร่าเริง เป็นผู้สามารถบอกพระสัทธรรมได้อย่างดี ดูกรภิกษุทั้งหลายเรากล่าวการเห็นภิกษุเหล่านั้นก็ดี การฟังภิกษุเหล่านั้นก็ดี การเข้าไปใกล้ภิกษุเหล่านั้นก็ดี การไปนั่งใกล้ภิกษุเหล่านั้นก็ดี การ ระลึกถึงภิกษุเหล่านั้นก็ดี การบวชตามภิกษุเหล่านั้นก็ดี ว่ามีอุปการะมาก ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเมื่อภิกษุซ่องเสพคบหา เข้าไปนั่งใกล้ภิกษุเห็นปานนั้น ศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ วิมุตติขันธ์วิมุตติญาณทัสนขันธ์ แม้ที่ยังไม่บริบูรณ์ ก็ถึงความบริบูรณ์ด้วยภาวนา ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้เห็นปานนี้นั้น เรากล่าวว่า เป็นศาสดาบ้าง นำพวกไปบ้างละข้าศึก คือ กิเลสบ้าง กระทำแสงสว่างบ้าง กระทำโอภาสบ้าง กระทำความรุ่งเรืองบ้าง กระทำรัศมีบ้าง ทรงคบเพลิงไว้บ้าง เป็นอริยะบ้าง มีจักษุบ้าง ดังนี้ ฯ การได้เห็นพระอริยเจ้าทั้งหลายผู้มีตนอันอบรมแล้ว ผู้มีปรกติเป็นอยู่ โดยธรรม ย่อมเป็นเหตุแห่งการกระทำซึ่งความปราโมทย์แก่บัณฑิต ทั้งหลายผู้รู้แจ้ง บัณฑิตทั้งหลาย ฟังคำสอนของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้กระทำรัศมี ผู้กระทำแสงสว่างเป็นนักปราชญ์ ผู้มีจักษุ ผู้ละข้าศึก คือกิเลส ประกาศพระสัทธรรมยังสัตวโลกให้สว่าง แล้วรู้โดยชอบซึ่ง ความสิ้นไปแห่งชาติด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมไม่มาสู่ภพใหม่ ฯ จบสูตรที่ ๕