พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/245/312
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
แล้วติดไฟ เมื่อข้าพเจ้าทราบว่าบุรุษนั้นทำกาละแล้ว จึงให้ยก หม้อนั้นลง กะเทาะดินออกแล้ว
เปิดปากหม้อค่อยๆ ตรวจดูว่า บางทีจะได้เห็น ชีวะของบุรุษนั้นออกมาบ้าง พวกเราไม่ได้เห็นชีวะ
ของเขาออกมาเลย ดูกรท่าน กัสสป ปริยายแม้นี้แล เป็นเหตุให้ข้าพเจ้ายังคงมีความเห็นอยู่
อย่างนี้ว่า แม้เพราะ เหตุนี้ โลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี ผลวิบากของกรรมที่สัตว์
ทำดี ทำชั่วไม่มี ฯ
ดูกรบพิตร ถ้าเช่นนั้น อาตมภาพจะขอย้อนถามบพิตรในข้อนี้ บพิตร พึงทรงพยากรณ์
ตามที่ควรแก่บพิตร บพิตรบรรทมกลางวัน ทรงรู้สึกฝันเห็นสวน อันน่ารื่นรมย์ ป่าอันน่ารื่นรมย์
พื้นที่อันน่ารื่นรมย์ สระโบกขรณีอันน่ารื่นรมย์ บ้างหรือ ฯ
เคยฝัน ท่านกัสสป ฯ
ในเวลานั้น หญิงค่อม หญิงเตี้ย นางพนักงานภูษามาลา หรือกุมาริกา คอยรักษา
บพิตรอยู่หรือ ฯ
อย่างนั้น ท่านกัสสป ฯ
คนเหล่านั้นเห็นชีวะของบพิตรเข้าหรือออกบ้างหรือเปล่า ฯ
หามิได้ ท่านกัสสป ฯ
ดูกรบพิตร ก็คนเหล่านั้น มีชีวิตอยู่ ยังมิได้เห็นชีวะของบพิตรผู้ยังทรงพระชนม์อยู่
เข้าหรือออกอยู่ ก็ไฉนบพิตรจักได้ทอดพระเนตรชีวะของผู้ที่ทำกาละ ไปแล้ว เข้าหรือออกอยู่เล่า
ดูกรบพิตร โดยปริยายของบพิตรนี้แล ต้องเป็น อย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ โลกหน้ามีอยู่ เหล่า
สัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นมีอยู่ ผลวิบาก ของกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วมีอยู่ ฯ
[๓๑๒] ท่านกัสสปกล่าวอย่างนั้นก็จริง ถึงอย่างนั้นในปริยายนี้ ข้าพเจ้า ก็ยังคงมี
ความเห็นอยู่อย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ โลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้น ไม่มี ผลวิบากของ
กรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี ฯ
ดูกรบพิตร ก็ปริยายซึ่งเป็นเหตุให้บพิตรยังคงมีความเห็นอยู่อย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้
โลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี ผลวิบากของกรรม ที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี มีอยู่หรือ ฯ
มีอยู่ ท่านกัสสป ฯ
เปรียบเหมือนอะไร บพิตร ฯ