พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/243/310
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ดูกรบพิตร ก็ปริยายซึ่งเป็นเหตุให้บพิตรยังคงมีความเห็นอยู่อย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้
โลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี ผลวิบากของกรรม ที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี มีอยู่หรือ ฯ
มีอยู่ ท่านกัสสป ฯ
เปรียบเหมือนอะไร บพิตร ฯ
ดูกรท่านกัสสป ข้าพเจ้าได้เห็นสมณพราหมณ์ในโลกนี้ ซึ่งเป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม
ยังประสงค์จะมีชีวิตอยู่ ไม่ประสงค์จะตาย ยังปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์ ข้าพเจ้ามี
ความคิดเห็นว่า ถ้าท่านสมณพราหมณ์ผู้มีศีล มี กัลยาณธรรม พวกนี้จะพึงทราบอย่างนี้ว่า เมื่อ
เราตายไปจากโลกนี้แล้ว คุณงาม ความดีจักมีดังนี้ไซร้ บัดนี้ ท่านสมณพราหมณ์ผู้มีศีล มีกัลยาณ
ธรรมพวกนี้ พึงดื่มยาพิษ พึงนำมาซึ่งศาตรา พึงผูกคอตาย หรือพึงโจนลงไปในเหว ก็เพราะ
เหตุที่ท่านสมณพราหมณ์ผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม พวกนี้ไม่ทราบอย่างนี้ว่า เมื่อเรา ตายไปจากโลก
นี้แล้ว คุณงามความดีจักมี ฉะนั้น จึงยังประสงค์จะมีชีวิตอยู่ ไม่ ประสงค์จะตาย ยังปรารถนา
ความสุข เกลียดความทุกข์ ดูกรท่านกัสสป ปริยาย แม้นี้แล เป็นเหตุให้ข้าพเจ้ายังคงมีความ
เห็นอยู่อย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ โลกหน้า ไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี ผลวิบากของกรรม
ที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี ฯ
[๓๑๐] ดูกรบพิตร ถ้าเช่นนั้น อาตมภาพจักยกอุปมาถวายบพิตร บุรุษ ผู้เป็นวิญญูชน
ในโลกนี้ บางพวกย่อมทราบเนื้อความของคำพูดด้วยอุปมา เรื่อง เคยมีมาแล้ว พราหมณ์คนหนึ่ง
มีภริยาสองคน ภริยาคนหนึ่งมีบุตรอายุได้ ๑๐ ปี หรือมีอายุได้ ๑๒ ปี ภริยาคนหนึ่งตั้งครรภ์
จวนจะคลอด ครั้งนั้น พราหมณ์นั้น ทำกาละแล้ว จึงมาณพนั้นได้พูดกะแม่เลี้ยงว่า แม่ ทรัพย์
ข้าวเปลือก เงิน หรือทอง ทั้งหมดนั้นของฉัน แม่หามีส่วนอะไรในทรัพย์สมบัตินี้ไม่ ขอแม่ จง
มอบมรดกซึ่งเป็นของบิดาแก่ฉันเถิด เมื่อเขาพูดอย่างนั้นแล้ว นางพราหมณี กล่าวตอบมาณพนั้น
ว่า พ่อ ขอพ่อจงรอจนกว่าแม่จะคลอดเถิด ถ้าลูกที่คลอด ออกมาเป็นชาย เขาจักได้รับส่วนหนึ่ง
ถ้าเป็นหญิง ก็จักเป็นบาทปริจาริกของพ่อ แม้ครั้งที่สอง มาณพก็ได้พูดกะแม่เลี้ยงอย่างนั้น ...
แม้ครั้งที่สอง นางพราหมณีนั้น ก็ได้พูดกะมาณพนั้นอย่างนั้น ... แม้ครั้งที่สาม มาณพนั้นก็ได้พูด