พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/242/641 642 643 644 645
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๖๔๑] คำว่า แล่นไปแล้วสู่ที่พึ่งแต่ที่พึ่ง ความว่า แล่นไปแล้ว คือ เลื่อนไปแล้ว
สู่ศาสดาแต่ศาสดา บุคคลผู้บอกธรรมแต่บุคคลผู้บอกธรรมสู่ หมู่ต่อหมู่ ทิฏฐิแต่ทิฏฐิ สู่ปฏิปทา
แต่ปฏิปทา สู่มรรคแต่มรรค เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า แล่นไปแล้วสู่ที่พึ่งแต่ที่พึ่ง.
[๖๔๒] คำว่า อถ ในอุเทศว่า อถทฺทสาลึ สมฺพุทฺธํ ดังนี้ เป็นบทสนธิ. คำว่า
อถ นี้ เป็นไปตามลำดับบท. คำว่า อถทฺทสาสึ ความว่าได้ประสบ พบ เห็น แทงตลอดแล้ว.
คำว่า ซึ่งพระสัมพุทธเจ้า ความว่า พระผู้มีพระภาคนั้นใด ฯลฯ. คำว่า พุทฺโธ เป็นสัจฉิกา
บัญญัติ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ในภายหลัง ได้เห็นพระสัมพุทธเจ้า.
[๖๔๓] คำว่า ผู้ข้ามโอฆะแล้ว ความว่า พระผู้มีพระภาคทรงข้าม ข้ามขึ้น ข้ามพ้น
ก้าวล่วง ล่วงเลย เป็นไปล่วง ซึ่งกามโอฆะ ภวโอฆะ ทิฏฐิโอฆะ อวิชชาโอฆะ. พระผู้มี
พระภาคนั้นมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ ทรงอยู่จบแล้ว มีจรณะทรงประพฤติแล้ว ฯลฯ มีสงสาร คือ
ชาติ ชราและมรณะหามิได้ มิได้มีภพต่อไป เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า ผู้ข้ามโอฆะแล้ว.
คำว่า ไม่มีอาสวะ ความว่า อาสวะ ๔ คือกามาสวะ ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ.
อาสวะเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคผู้ตรัสรู้แล้ว ทรงละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำไม่ให้มีที่ตั้งดัง
ตาลยอดด้วน ให้ถึงความไม่มีในภายหลัง ให้มีความไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา เพราะเหตุนั้น
พระพุทธเจ้าจึงชื่อว่าไม่มีอาสวะ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้ามโอฆะแล้ว ไม่มีอาสวะ. เพราะเหตุ
นั้น พระปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า
อาตมานอนดิ้นรนอยู่ในเปือกตม แล่นไปแล้วสู่ที่พึ่งแต่ที่พึ่ง
ภายหลังได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้ข้ามโอฆะแล้ว ไม่มีอาสวะ.
[๖๔๔] พระวักลิก็ดี พระภัทราวุธะก็ดี พระอาฬวิโคตมะก็ดี เป็นผู้มี
ศรัทธาอันปล่อยแล้ว ฉันใด แม้ท่านก็จงปล่อยศรัทธาฉันนั้น
เหมือนกัน. ดูกรปิงคิยะ ท่านจักถึงฝั่งแห่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่ง
มัจจุ.
[๖๔๕] คำว่า พระวักกลิก็ดี พระภัทราวุธะก็ดี พระอาฬวิโคตมะก็ดี เป็นผู้มีศรัทธา
อันปล่อยแล้ว ฉันใด ความว่า พระวักลิมีศรัทธาอันปล่อยไปแล้ว เป็นผู้หนักในศรัทธา มี
ศรัทธาเป็นหัวหน้า น้อมใจไปด้วยศรัทธา มีศรัทธาเป็นใหญ่ ได้บรรลุอรหัตแล้ว ฉันใด.
พระภัทราวุธะ ... พระอาฬวิโคตมะมีศรัทธาอันปล่อยไปแล้ว เป็นผู้หนักในศรัทธา มีศรัทธาเป็น