พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/242/309
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ดูกรบพิตร เปรียบเหมือนบุรุษตาบอดแต่กำเนิด ไม่พึงเห็นรูปสีดำ สีขาว สีเขียว
สีเหลือง สีแดง สีแดงฝาด รูปที่เรียบและไม่เรียบ รูปดาว พระจันทร์ และพระอาทิตย์ เขา
จะพึงพูดอย่างนี้ว่า รูปสีดำ สีขาว สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีแดงฝาด รูปที่เรียบ และไม่
เรียบ รูปดาว พระจันทร์ พระอาทิตย์ ไม่มี ผู้ที่เห็นรูปสีดำ สีขาว สีเขียว สีเหลือง สีแดง
สีแดงฝาด รูปที่เรียบและ ไม่เรียบ รูปดาว พระจันทร์ พระอาทิตย์ก็ไม่มี เราไม่รู้สิ่งนี้ เราไม่
เห็นสิ่งนี้ เพราะฉะนั้น สิ่งนั้นจึงไม่มี ดูกรบพิตร บุคคลเมื่อจะพูดให้ถูก จะพึงพูดดังนั้น
หรือหนอ ฯ
หามิได้ ท่านกัสสป รูปสีดำ สีขาว สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีแดงฝาด รูปที่
เรียบและไม่เรียบ รูปดาว พระจันทร์ พระอาทิตย์มีอยู่ ผู้ที่เห็น รูปสีดำ สีขาว สีเขียว
สีเหลือง สีแดง สีแดงฝาด รูปที่เรียบและไม่เรียบ รูปดาว พระจันทร์ พระอาทิตย์ก็มีอยู่
ดูกรท่านกัสสป บุคคลนั้น เมื่อจะพูด ให้ถูก จะพึงพูดว่า เราไม่รู้สิ่งนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งนั้นจึงไม่มี
ดังนี้ หาได้ไม่ ฯ
ฉันนั้นแหละ บพิตร บพิตรย่อมปรากฏเหมือนคนตาบอดแต่กำเนิด เหตุพระดำรัสที่
ตรัสไว้อย่างนี้ว่า ก็ใครเล่าบอกความแก่ท่านกัสสปว่า พวกเทวดาชั้น ดาวดึงส์มีอยู่ หรือว่าพวก
เทวดาชั้นดาวดึงส์มีอายุยืนเท่านี้ พวกเรามิได้เชื่อต่อท่าน กัสสปว่า พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์มีอยู่
หรือว่าพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์มีอายุยืน เท่านี้ โลกหน้าบุคคลจะพึงเห็นเหมือนดังที่บพิตรทรงทราบ
ด้วยมังสจักษุนี้ หามิได้ ดูกรบพิตร สมณพราหมณ์พวกใดเสพเสนาสนะอันสงัดซึ่งอยู่ในป่า
สมณพราหมณ์ พวกนั้น เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปแล้วอยู่ในเสนาสนะนั้น
ยังทิพยจักษุให้บริสุทธิ์ มีทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์แล้ว ย่อมแลเห็นทั้งโลกนี้ทั้งโลก
หน้า และเหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้น ก็โลกหน้า บุคคล จะพึงเห็นได้ด้วยประการฉะนี้แล หาเหมือนดังที่
บพิตร
ทรงทราบด้วยมังสจักษุนี้ไม่ ดูกรบพิตร โดยปริยายของบพิตรนี้แล ต้องเป็นอย่างนี้ว่า
แม้เพราะเหตุนี้ โลก หน้ามีอยู่ เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นมีอยู่ ผลวิบากของกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว
มีอยู่ ฯ
[๓๐๙] ท่านกัสสปกล่าวอย่างนั้นก็จริง ถึงอย่างนั้น ในปริยายนี้ ข้าพเจ้า ก็ยังคงมี
ความเห็นอยู่อย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ โลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิด ขึ้นไม่มี ผลวิบากของ
กรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี ฯ