พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/240/638 639 640
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ด้วยการไปด้วยปัญญา ด้วยการไปด้วยความรู้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ย่อมไปถึงเป็นนิตย์ด้วย
ความดำริ.
[๖๓๘] จิต ใจ มนัส หทัย จิตขาว มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ
วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุอันเกิดแต่วิญญาณขันธ์นั้น ชื่อว่า มนะ ในอุเทศว่า มโน หิ
เม พฺราหฺมณ เตน ยุตฺโต ดังนี้.
คำว่า ท่านพราหมณ์ ... ประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับนั้น ความว่า ใจของ
อาตมาประกอบ ประกอบดีแล้วด้วยทิศที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับนั้น. เพราะเหตุนั้น พระ
ปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า
กายของอาตมาผู้แก่แล้ว มีเรี่ยวแรงทุรพล ย่อมไม่ได้ไปใน
สำนักที่พระพุทธเจ้าประทับนั้นนั่นแล. แต่อาตมาย่อมถึงเป็น
นิตย์ด้วยความดำริถึง. ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละ
ประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับอยู่นั้น.
[๖๓๙] อาตมานอนดิ้นรนอยู่ในเปือกตม แล่นไปแล้วสู่ที่พึ่ง แต่
ที่พึ่งภายหลังได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้ข้ามโอฆะแล้ว มิได้มี
อาสวะ.
[๖๔๐] คำว่า นอนในเปือกตม ในอุเทศว่า ปงฺเก สยาโน ปริผนฺทมาโน ดังนี้
ความว่า นอนอาศัยพลิกไปมาในเปือกตมคือกาม ในหล่มคือกาม ในกิเลสคือกาม ในเบ็ดคือ
กาม ในความเร่าร้อนเพราะกาม ในความกังวลเพราะกาม เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นอนใน
เปือกตม.
คำว่า ดิ้นรนอยู่ ความว่า ดิ้นรนอยู่ด้วยความดิ้นรนเพราะตัณหา ด้วยความดิ้นรน
เพราะทิฏฐิ ด้วยความดิ้นรนเพราะกิเลส ด้วยความดิ้นรนเพราะประโยค ด้วยความดิ้นรนเพราะ
วิบาก ด้วยความดิ้นรนเพราะทุจริต กำหนัดแล้วดิ้นรนเพราะราคะ ขัดเคืองแล้วดิ้นรนเพราะ
โทสะ หลงแล้วดิ้นรนเพราะโมหะ มานะผูกพันแล้วดิ้นรนอยู่เพราะมานะ ถือมั่นแล้วดิ้นรน
เพราะทิฏฐิ ถึงความฟุ้งซ่านแล้วดิ้นรนเพราะอุทธัจจะ ถึงความไม่ตกลงแล้วดิ้นรนเพราะวิจิกิจฉา
ไปโดยเรี่ยวแรงแล้วดิ้นรนเพราะอนุสัย ดิ้นรนเพราะลาภ เพราะความเสื่อมลาภ เพราะยศ