พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/240/235 236

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
เล่ม 22
หน้า 240
ก็ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่เข้ามาแล้ว มีภิกษุมาจากแคว้นต่างๆ ย่อมเข้าไปบอกพวกคฤหัสถ์ว่า ดูกรท่าน ผู้มีอายุทั้งหลาย มีภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่เข้ามาแล้ว มีภิกษุมาจากแคว้นต่างๆ ขอเชิญท่านทั้งหลาย ทำบุญ เป็นสมัยทำบุญ ๑ เป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบ ด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีอุปการะมากแก่อาวาส ฯ จบสูตรที่ ๔ ๕. อนุกัมปกสูตร
[๒๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อม อนุเคราะห์คฤหัสถ์ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ยังคฤหัสถ์ให้สมาทานในอธิศีล ๑ ให้ตั้งอยู่ใน ธรรมทัศนะ ๑ เข้าไปหาคฤหัสถ์ผู้ป่วยแล้ว ย่อมให้สติว่าท่านทั้งหลายจงตั้งสติให้ตรงต่อพระ รัตนตรัย ก็ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่เข้ามาแล้ว มีภิกษุมาจากแคว้นต่างๆ ย่อมเข้าไปบอกพวกคฤหัสถ์ ว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลายภิกษุหมู่ใหญ่เข้ามาแล้ว มีภิกษุมาจากแคว้นต่างๆ ขอเชิญท่าน ทั้งหลายทำบุญเป็นสมัยทำบุญ ๑ ย่อมฉันโภชนะที่พวกคฤหัสถ์ถวาย จะเลวหรือประณีตก็ตาม ด้วยตนเอง ๑ ไม่ยังศรัทธาไทยให้เสียไป ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์ ฯ จบสูตรที่ ๕ ๖. ยถาภตอวรรณสูตร
[๒๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เหมือนถูก นำมาเก็บไว้ในนรก ๕ ประการเป็นไฉน คือ ไม่ใคร่ครวญ ไม่พิจารณาก่อนแล้วกล่าวสรรเสริญ ผู้ควรตำหนิ ๑ ไม่ใคร่ครวญ ไม่พิจารณาก่อนแล้วกล่าวตำหนิผู้ควรสรรเสริญ ๑ ไม่ใคร่ครวญ ไม่พิจารณาก่อนแล้วแสดงความเลื่อมใสให้ปรากฏในที่อันไม่ควรเลื่อมใส ๑ ไม่ใคร่ครวญ ไม่