พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/239/633 634 635 636 637
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
คำว่า ภูริปญฺโญ ความว่า มีปัญญากว้างขวางดังแผ่นดิน มีปัญญาใหญ่ มีปัญญา
หลักแหลม มีปัญญาหนา มีปัญญาร่าเริง มีปัญญาเร็ว มีปัญญาทำลายกิเลส เพราะฉะนั้น จึง
ชื่อว่า พระโคดมมีพระปัญญากว้างขวางดังแผ่นดิน เสด็จไปสู่ทิศใดๆ.
[๖๓๓] คำว่า อาตมานั้นเป็นผู้นอบน้อมไปโดยทิศนั้นๆ นั่นแหละ ความว่า อาตมา
นั้นเป็นผู้นอบน้อมไปโดยทิศาภาคที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้นๆ คือ เป็นผู้มีใจเอนไปในทิศนั้น
มีใจโอนไปในทิศนั้น มีใจเงื้อมไปในทิศนั้น น้อมใจไปในทิศนั้น มีทิศนั้นเป็นใหญ่ เพราะ
ฉะนั้น จึงชื่อว่า อาตมานั้นเป็นผู้นอบน้อมไปโดยทิศนั้นๆ นั่นแหละ. เพราะเหตุนั้น พระ
ปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า
ธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา ปีติ มนะและสติ ย่อมไม่หาย
ไปจากศาสนาของพระโคดม. พระโคดมผู้มีพระปัญญากว้าง
ขวางดังแผ่นดิน ย่อมเสด็จไปสู่ทิศใดๆ อาตมานั้นย่อม
เป็นผู้นอบน้อมไปโดยทิศนั้นๆ นั่นแหละ.
[๖๓๔] กายของอาตมาผู้แก่แล้ว มีเรี่ยวแรงทุรพล ไม่ได้ไปใน
สำนักที่พระพุทธเจ้าประทับนั้นนั่นแล. แต่อาตมาย่อมถึงเป็น
นิตย์ด้วยความดำริถึง. ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละ
ประกอบด้วยทิศาภาคที่ประทับอยู่นั้น.
[๖๓๕] คำว่า ผู้แก่แล้ว ในอุเทศว่า ชิณฺณสฺส เม ทุพฺพลถามกสฺส ดังนี้ ความว่า
ผู้แก่ ผู้เฒ่า เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาล ผ่านภัยไปโดยลำดับ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้แก่แล้ว.
คำว่า มีเรี่ยวแรงทุรพล ความว่า มีเรี่ยวแรงถอยกำลัง มีเรี่ยวแรงน้อย มีเรี่ยวแรง
นิดหน่อย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ของอาตมาผู้แก่แล้ว มีเรี่ยวแรงทุรพล.
[๖๓๖] คำว่า กาย ... ไม่ได้ไปในสำนักที่พระพุทธเจ้าประทับนั้นนั่นแล ความว่า กาย
ไม่ได้ไป คือ ไม่ไปข้างหน้า ไม่ไปถึง ไม่ได้เข้าไปใกล้ ยังสำนักที่พระพุทธเจ้าประทับ
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า กาย ... ไม่ได้ไปในสำนักที่พระพุทธเจ้าประทับนั้นนั่นแล.
[๖๓๗] คำว่า ย่อมไปถึงเป็นนิตย์ด้วยความดำริ ความว่า ย่อมไป ย่อมถึง
ย่อมเข้าไปใกล้ ด้วยการไปด้วยความดำริถึง ด้วยการไปด้วยความตรึกถึง ด้วยการไปด้วยญาณ