พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/238/629 630 631 632
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เป็นผู้ไม่อยู่ปราศแล้ว คือ อาตมารู้ ทราบ รู้ทั่ว รู้แจ้ง รู้ชัด อย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
อาตมาย่อมสำคัญการไม่อยู่ปราศจากพระพุทธเจ้านั้นนั่นแหละ. เพราะเหตุนั้น พระปิงคิยเถระ
จึงกล่าวว่า
ท่านพราหมณ์ อาตมาย่อมเห็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วย
ใจ เหมือนเห็นด้วยจักษุ. อาตมาเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ตลอดคืนและวัน นมัสการอยู่ตลอดคืนและวัน. อาตมาย่อม
สำคัญการไม่อยู่ปราศจากพระพุทธเจ้านั้นนั่นแหละ.
[๖๒๙] ธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา ปีติ มนะและสติ ย่อมไม่หาย
ไปจากศาสนาของพระโคดม. พระโคดมผู้มีพระปัญญากว้าง
ขวางดังแผ่นดิน ย่อมเสด็จไปสู่ทิศใดๆ อาตมานั้นเป็นผู้
นอบน้อมไปโดยทิศนั้นๆ นั่นแหละ.
[๖๓๐] ความเชื่อ ความเชื่อถือ ความกำหนด ความเลื่อมใสยิ่ง ศรัทธา สัทธินทรีย์
สัทธาพละ ที่ปรารภถึงพระผู้มีพระภาค ชื่อว่าศรัทธา ในอุเทศว่า สทฺธา จ ปีติ จ มโน
สติ จ ดังนี้. ความอิ่มใจ ความปราโมทย์ ความเบิกบานใจ ความยินดี ความปลื้มใจ ความ
เป็นผู้มีอารมณ์สูง ความเป็นผู้มีใจสูง ความที่จิตผ่องใสยิ่ง ปรารภถึงพระผู้มีพระภาค ชื่อว่า
ปีติ. จิต ใจ มนัส หทัย จิตขาว มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์
มโนวิญญาณธาตุอันเกิดแต่วิญญาณขันธ์ ปรารภถึงพระผู้มีพระภาค ชื่อว่า มโน. ความ
ระลึกถึง ฯลฯ ความระลึกชอบ ปรารภถึงพระผู้มีพระภาค ชื่อว่า สติ. เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ศรัทธา ปีติ มนะและสติ.
[๖๓๑] คำว่า ธรรมเหล่านี้ ย่อมไม่หายไปจากศาสนาของพระโคดม ความว่า ธรรม ๔
ประการนี้ ย่อมไม่หายไป ไม่ปราศไป ไม่ละไป ไม่พินาศไป จากศาสนาของพระโคดม คือ
จากศาสนาของพระพุทธเจ้า ศาสนาของพระชินเจ้า ศาสนาของพระตถาคต ศาสนาของพระ
อรหันต์ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ธรรมเหล่านี้ย่อมไม่หายไปจากศาสนาของพระโคดม.
[๖๓๒] คำว่า สู่ทิศใดๆ ในอุเทศว่า ยํ ยํ ทิสํ วิชฺชติ ภูริปญฺโญ ดังนี้ ความว่า
พระโคดมเสด็จอยู่ คือ เสด็จไป ทรงก้าวไป เสด็จดำเนินไป สู่ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก
ทิศใต้ หรือทิศเหนือ.