พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/238/231 232
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
อาวาสิกวรรคที่ ๔
๑. อาวาสิกสูตร
[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็น
ผู้ไม่ควรยกย่อง ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุเจ้าอาวาสเป็นผู้ไม่ถึงพร้อมด้วยมรรยาท
ไม่ถึงพร้อมด้วยวัตร ๑ ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงจำสูตร ๑เป็นผู้ไม่ประพฤติขัดเกลา ไม่ยินดี
ในการหลีกออกเร้น ไม่ยินดีในกัลยาณธรรม ๑เป็นผู้ไม่มีวาจาไพเราะ ไม่กระทำถ้อยคำให้
ไพเราะ ๑ มีปัญญาทราม โง่เขลา ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบด้วยธรรม ๕
ประการนี้แล เป็นผู้ไม่ควรยกย่อง ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นผู้ควร
ยกย่อง ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุเจ้าอาวาสเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยมรรยาท ถึงพร้อม
ด้วยวัตร ๑ เป็นผู้พหูสูต ทรงไว้ซึ่งสุตะ ๑ เป็นผู้ประพฤติขัดเกลา ยินดีในการหลีกออกเร้น
ยินดีในกัลยาณธรรม ๑ มีวาจาไพเราะกระทำถ้อยคำให้ไพเราะ ๑ มีปัญญา เฉลียวฉลาด ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล เป็นผู้ควรยกย่อง ฯ
จบสูตรที่ ๑
๒. อัปปิยสูตร
[๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเจ้าอาวาสประกอบด้วยธรรม ๕ ประการย่อมเป็นที่
รัก ที่ชอบใจ ที่เคารพ และเป็นที่สรรเสริญของเพื่อนพรหมจรรย์ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน
คือ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยความสำรวมในพระปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มี
ปรกติเห็นภัยในโทษมีประมาณน้อยสมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เป็นผู้พหูสูต ทรง
ไว้ซึ่งสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมาก จำทรงไว้ ขึ้นปาก คล่องใจ แทงตลอดด้วยดีด้วย