พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/237/623 624 625 626 627 628

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 237

[๖๒๓] คำว่า ยสฺส ในอุเทศว่า นตฺถิ อุปมา กฺวจิ ดังนี้ ได้แก่นิพพาน. คำว่า ไม่มีอุปมา ความว่า ไม่มีอุปมา ... ไม่ประจักษ์. คำว่า ในที่ไหนๆ ความว่า ในที่ไหน ... หรือทั้งภายในและภายนอก เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า นิพพาน ไม่มีอุปมาในที่ไหนๆ. เพราะ เหตุนั้น พระปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงธรรม อันธรรมจารีบุคคลพึง เห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล เป็นที่สิ้นตัณหา อันไม่มี อันตรายแก่อาตมา. นิพพานมิได้มีอุปมาในที่ไหนๆ.
[๖๒๔] ท่านพราหมณ์ อาตมาย่อมเห็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ด้วยใจ เหมือนเห็นด้วยจักษุ. อาตมาเป็นผู้ไม่ประมาท ตลอดคืนและวัน นมัสการอยู่ตลอดคืนและวัน. อาตมาย่อม สำคัญ การไม่อยู่ปราศจากพระพุทธเจ้านั้นนั่นแล.
[๖๒๕] คำว่า อาตมาย่อมเห็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยใจ เหมือนเห็นด้วยจักษุ ความว่า บุรุษผู้มีนัยน์ตาพึงแลเห็น มองดู แลดู ตรวจดู เพ่งดู พิจารณาดู ซึ่งรูปทั้งหลาย ฉันใด อาตมาแลเห็น มองดู แลดู ตรวจดู เพ่งดู พิจารณาดู ซึ่งพระผู้มีพระภาคผู้ตรัสรู้แล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า อาตมาย่อมเห็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยใจ เหมือนเห็นด้วยจักษุ.
[๖๒๖] คำว่า ท่านพราหมณ์ ... เป็นผู้ไม่ประมาท ตลอดคืนและวัน ความว่า เมื่อ อาตมาอบรมด้วยใจ ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทตลอดคืนและวัน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ท่าน พราหมณ์ ... เป็นผู้ไม่ประมาทตลอดคืนและวัน.
[๖๒๗] คำว่า นมัสการอยู่ ในอุเทศว่า นมสฺสมาโน วิวสามิ รตฺตึ ดังนี้ ความว่า นมัสการ สักการะ เคารพ นับถือ บูชาอยู่ ด้วยกายบ้าง ด้วยวาจาบ้าง ด้วยจิตบ้าง ด้วย การปฏิบัติเป็นไปตามประโยชน์บ้าง ด้วยการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมบ้าง ย่อมอยู่ คือ ยับยั้ง อยู่ตลอดคืนและวัน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นมัสการอยู่ตลอดคืนและวัน.
[๖๒๘] คำว่า ย่อมสำคัญการไม่อยู่ปราศจากพระพุทธเจ้านั่นแหละ ความว่า เมื่อ อาตมาเจริญด้วยพุทธานุสสตินั้น จึงสำคัญพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นว่า เป็นผู้ไม่อยู่ปราศ คือ