พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/237/276 277      
      สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
      
     
 
    
        
          
            	เป็นของมนุษย์ เสียทั้งหมด บัณฑิตทั้งหลายตัดกระแสตัณหาในปิยรูป
	และสาตรูปที่บุคคลก้าวล่วงได้โดยยากได้แล้ว ย่อมปรินิพพานโดยไม่มี
	ส่วนเหลือล่วงทุกข์ได้โดยไม่มีส่วนเหลือ บัณฑิตทั้งหลายผู้เห็นอริยสัจ
	ผู้ถึงเวท รู้แล้วโดยชอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องรู้ยิ่งซึ่งความสิ้นไปแห่งชาติ
	ย่อมไม่มาสู่ภพใหม่ ฯ
	 จบสูตรที่ ๖
	๗. กามสูตร
 [๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบแล้วด้วยกามโยคะ ผู้ประกอบแล้วด้วย
ภวโยคะ เป็นอนาคามี ยังต้องมาสู่ความเป็นอย่างนี้ (คืออัตภาพแห่งมนุษย์) ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พระอริยบุคคลผู้พรากแล้วจากกามโยคะ (แต่)ยังประกอบด้วยภวโยคะ เป็นอนาคามี ไม่มา
สู่ความเป็นอย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระอริยบุคคลผู้พรากแล้วจากกามโยคะ พรากแล้วจาก
ภวโยคะ เป็นพระอรหันตขีณาสพ ฯ
	สัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบแล้วด้วยกามโยคะและภวโยคะ ย่อมไปสู่สงสาร
	ซึ่งมีปรกติถึงความเกิดและความตาย ส่วนสัตว์เหล่าใดละกามทั้งหลายได้
	เด็ดขาด แต่ยังไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ยังประกอบด้วยภวโยคะ
	สัตว์เหล่านั้นบัณฑิตกล่าวว่า เป็นพระอนาคามี ส่วนสัตว์เหล่าใด
	ตัดความสงสัยได้แล้ว มีมานะและมีภพใหม่สิ้นแล้ว ถึงความสิ้นไป
	แห่งอาสวะทั้งหลายแล้ว สัตว์เหล่านั้นแลถึงฝั่งแล้วในโลก ฯ
	 จบสูตรที่ ๗
	๘. กัลยาณสูตร
 [๒๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีศีลงาม มีธรรมงาม มีปัญญางามเรากล่าวว่า
เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ เป็นบุรุษผู้สูงสุดในธรรมวินัยนี้ ฯ