พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/237/158 159
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
อลํสูตรที่ ๗
[๑๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ เป็นผู้สามารถในอัน
ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เป็นผู้มีความเข้าใจได้
เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว แต่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ได้
ทรงจำแล้ว ๑รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑ หาเป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำ
ไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ไม่ ไม่ชี้แจง
สพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญร่าเริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วย
ธรรม ๒ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่สามารถใน
อันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น ฯ
จบสูตรที่ ๘
อลํสูตรที่ ๘
[๑๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ เป็นผู้สามารถในอัน
ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็ว
ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ได้ทรงจำแล้ว
หารู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ แต่เป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำไพเราะ
ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ ๑ชี้แจงสพรหมจารี
ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญร่าเริง ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุประกอบด้วยธรรม ๒
ประการนี้แล เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอัน
ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน ฯ
จบสูตรที่ ๙