พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/235/302
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ณ ป่าไม้สีเสียดด้านเหนือนครเสตัพยะ เขตนครเสตัพยะ เกียรติศัพท์อันงามของท่านกุมารกัสสป
องค์นั้น ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า เป็น บัณฑิต เฉียบแหลม มีปัญญา เป็นพหูสูต มีถ้อยคำอัน
วิจิตร มีปฏิภาณดี เป็น ทั้งพุทธบุคคล เป็นทั้งพระอรหันต์ พราหมณ์และคฤหบดีเหล่านั้นพา
กันเข้าไปหา เพื่อดูท่านกุมารกัสสปองค์นั้น ฯ
ป. ถ้าเช่นนั้น ท่านจงเข้าไปหาพราหมณ์และคฤหบดีชาวนครเสตัพยะ บอกเขาอย่างนี้
ว่า ท่านทั้งหลาย เจ้าปายาสิสั่งว่า ขอให้ท่านทั้งหลายจงรอก่อน เจ้าปายาสิจะเข้าไปหาพระสมณ
กุมารกัสสปด้วย เมื่อก่อน พระกุมารกัสสปได้ยังพราหมณ์และคฤหบดีชาวนครเสตัพยะ ผู้เขลา
ไม่เฉียบแหลม ให้เข้าใจว่า แม้เพราะเหตุนี้ โลกหน้ามีอยู่ เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นมีอยู่ ผลวิบาก
ของกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วมีอยู่ พ่อนักการ ความจริงโลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี ผล
วิบากของกรรมที่สัตว์ทำดี ทำชั่วไม่มี ฯ
นักการรับพระดำรัสของเจ้าปายาสิแล้ว เข้าไปหาพราหมณ์และคฤหบดี ชาวนครเสตัพยะ
แล้วบอกว่า ท่านทั้งหลาย เจ้าปายาสิรับสั่งว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงรอก่อน เจ้าปายาสิจะเสด็จ
เข้าไปหาพระกุมารกัสสปด้วย ฯ
ลำดับนั้น เจ้าปายาสิแวดล้อมด้วยพราหมณ์และคฤหบดีชาวนครเสตัพยะ เสด็จเข้าไป
หาท่านพระกุมารกัสสปยังป่าไม้สีเสียด ครั้นแล้วได้ปราศรัยกับท่าน พระกุมารกัสสป ครั้นผ่าน
การปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฝ่ายพราหมณ์และ
คฤหบดีชาวนครเสตัพยะ บางพวกก็ ถวายอภิวาท บางพวกก็ปราศรัย บางพวกก็ประนมอัญชลีไป
ทางท่านพระกุมาร กัสสป บางพวกก็ประกาศชื่อและโคตร บางพวกก็นิ่งอยู่ แล้วต่างก็นั่ง ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วเจ้าปายาสิ ได้ตรัสกะท่านพระกุมารกัสสปอย่างนี้ว่า ดูกรท่านกัสสป
ข้าพเจ้ามีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ โลกหน้า ไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่
มี ผลวิบากของกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี ฯ
ท่านพระกุมารกัสสปถวายพรว่า ดูกรบพิตร อาตมภาพได้เห็นแล้ว หรือ ได้ยินแล้ว
ซึ่งบุคคลผู้มีวาทะอย่างนี้ ผู้มีทิฐิอย่างนี้ ดำริว่า ไฉนเล่า เขาจึงกล่าว อย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้
โลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี ผลวิบาก ของกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี ถ้าเช่นนั้น
อาตมภาพจะขอย้อนถามบพิตรในข้อนี้ บพิตรพึงทรงพยากรณ์ ตามที่ควรแก่บพิตร บพิตรจะ
สำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน พระจันทร์ และพระอาทิตย์นี้อยู่ในโลกนี้หรือในโลกหน้า เป็น
เทวดาหรือมนุษย์ ฯ