พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/233/604 605 606 607 608
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ไม่ปรากฏ ไม่ประจักษ์. คำว่า ในที่ไหนๆ ความว่า ในที่ไหนๆ ในที่ไรๆ ในที่บางแห่ง
ในภายใน ภายนอก หรือทั้งภายในและภายนอก เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นิพพานไม่มีอุปมาใน
ที่ไหนๆ. เพราะเหตุนั้น พระปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า
พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงธรรม อันธรรมจารีบุคคลพึงเห็น
เอง ไม่ประกอบด้วยกาล เป็นที่สิ้นตัณหา อันไม่มีอันตราย
แก่อาตมา. นิพพานมิได้มีอุปมาในที่ไหนๆ.
[๖๐๔] ดูกรปิงคิยะ ท่านอยู่ปราศจากพระพุทธเจ้าผู้โคดมพระองค์นั้น
ซึ่งมีพระปัญญาเป็นเครื่องปรากฏ มีพระปัญญากว้างขวางดัง
แผ่นดิน แม้ครู่หนึ่งหรือหนอ?
[๖๐๕] คำว่า ... อยู่ปราศจากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ... หรือหนอ ความว่า ย่อมอยู่
ปราศ คือ หลีกไป ไปปราศ เว้นจากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น หรือหนอ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ท่านอยู่ปราศจากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น หรือหนอ?
[๖๐๖] คำว่า ดูกรปิงคิยะ ... แม้ครู่หนึ่ง ความว่า แม้ครู่หนึ่ง ขณะหนึ่ง พักหนึ่ง
ส่วนหนึ่ง วันหนึ่ง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า แม้ครู่หนึ่ง. พาวรีพราหมณ์เรียกพระเถระผู้เป็นหลาน
นั้นโดยชื่อว่า ปิงคิยะ.
[๖๐๗] คำว่า ผู้โคดมซึ่งมีพระปัญญาเป็นเครื่องปรากฏ ความว่า ผู้โคดมซึ่งมีปัญญา
เป็นเครื่องปรากฏ มีญาณเป็นเครื่องปรากฏ มีปัญญาเป็นดังธงชัย มีปัญญาดังธงนำหน้า มีปัญญา
เป็นอธิบดี มีความเลือกเฟ้นมาก มีความเลือกเฟ้นทั่วไปมาก มากด้วยปัญญาเครื่องพิจารณา มี
ธรรมเป็นเครื่องพิจารณาพร้อม มีธรรมเป็นเครื่องอยู่แจ่มแจ้ง ทรงประพฤติในธรรมนั้น มีปัญญา
มาก หนักอยู่ด้วยปัญญา โน้มไปในปัญญา โอนไปในปัญญา เงื้อมไปในปัญญา น้อมไปใน
ปัญญา มีปัญญาเป็นใหญ่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้โคดมซึ่งมีพระปัญญาเป็นเครื่องปรากฏ.
[๖๐๘] แผ่นดินท่านกล่าวว่า ภูริ ในอุเทศว่า โคตมา ภูริเมธสา ดังนี้. พระโคดม
ประกอบด้วยปัญญาอันไพบูลย์กว้างขวางเสมอด้วยแผ่นดิน. ปัญญา ความรู้ กิริยาที่รู้ ฯลฯ
ความไม่หลง ความเลือกเฟ้นธรรม สัมมาทิฏฐิ ท่านกล่าวว่า เมธา. พระผู้มีพระภาคทรงเข้าไป