พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/232/601 602 603

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 232
คำว่า ธมฺมํ ในอุเทศว่า ธมฺมมเทเสสิ ดังนี้ ความว่า พระผู้มีพระภาคตรัสบอก ... ทรงประกาศแล้วซึ่งพรหมจรรย์อันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด พร้อมทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง และสติปัฏฐาน ฯลฯ อริยมรรคมีองค์ ๘ นิพพานและ ปฏิปทาอันให้ถึงนิพพาน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงแล้วซึ่งธรรม ... แก่อาตมา.
[๖๐๑] คำว่า อันธรรมจารีบุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ความว่า อันธรรมจารี บุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา อันวิญญูชนทั้งหลาย พึงรู้เฉพาะตน ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้จึงชื่อว่า อันธรรมจารีบุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล. อีกอย่างหนึ่ง ผู้ใดเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ ในภพนี้ ผู้นั้นย่อมบรรลุ ประสบ ได้รับผล แห่งมรรคนั้นในกาลเป็นลำดับ มิได้มีกาลอื่นคั่น แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้ จึงชื่อว่า อันธรรมจารี บุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล. มนุษย์ทั้งหลายลงทุนทรัพย์ตามกาลอันควร ยังไม่ได้อิฐผลในกาลเป็นลำดับ ยังต้อง รอเวลา ฉันใด ธรรมนี้ย่อมไม่เป็นฉันนั้น ผู้ใดเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ ในภพนี้ ผู้นั้นย่อมบรรลุ ประสบ ได้ผลแห่งมรรคนั้นในกาลเป็นลำดับ มิได้มีกาลอื่นคั่น ย่อมไม่ได้ในภพหน้า ย่อมไม่ได้ ในปรโลก ด้วยเหตุอย่างนี้จึงชื่อว่า ไม่ประกอบด้วยกาล เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า อันธรรมจารีบุคคล พึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล.
[๖๐๒] รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพตัณหา ธรรมตัณหา ชื่อว่า ตัณหา ในอุเทศว่า ตณฺหกฺขยมนีติกํ ดังนี้. คำว่า ตณฺหกฺขยํ ความว่า เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นราคะ เป็นที่สิ้นโทสะ เป็นที่ สิ้นโมหะ เป็นที่สิ้นคติ เป็นที่สิ้นอุปบัติ เป็นที่สิ้นปฏิสนธิ เป็นที่สิ้นภพ เป็นที่สิ้นสงสาร เป็นที่สิ้นวัฏฏะ กิเลส ขันธ์และอภิสังขาร ท่านกล่าวว่าอันตราย ในคำว่า อนีติกํ ดังนี้. เป็นที่ละ สงบ สละคืน ระงับ อันตราย เป็นอมตนิพพาน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เป็นที่ สิ้นตัณหา ไม่มีอันตราย.
[๖๐๓] คำว่า ยสฺส ในอุเทศว่า ยสฺส นตฺถิ อุปมา กฺวจิ ดังนี้ ได้แก่นิพพาน. คำว่า ไม่มีอุปมา ความว่า ไม่มีอุปมา ไม่มีข้อเปรียบเทียบ ไม่มีสิ่งเสมอ ไม่มีอะไรเปรียบ