พระสุตตันตปิฎกไทย: 20/232/535

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
เล่ม 20
หน้า 232
ปริสสูตร
[๕๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บริษัท ๓ จำพวกนี้ ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ บริษัทที่มี หัวหน้าประเสริฐ ๑ บริษัทที่เป็นพวกเป็นหมู่ ๑ บริษัทที่พร้อมเพรียงกัน ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บริษัทที่มีหัวหน้าประเสริฐเป็นไฉน ในบริษัทใดในโลกนี้ พวกภิกษุผู้เถระเป็นคนไม่มักมาก ไม่ย่อหย่อน ทอดธุระในการก้าวลง (ไม่มีนิวรณ์เกิดขึ้น) เป็นหัวหน้าในความสงัด ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง ประชุมชนภายหลังต่างก็ถือเอาภิกษุเถระพวกนั้นเป็นแบบอย่างถึงประชุมชนนั้นก็ไม่มักมาก ไม่ ย่อหย่อน ทอดธุระในการก้าวลง เป็นหัวหน้าในความสงัดปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำได้แจ้ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าบริษัทมีหัวหน้าประเสริฐ ก็บริษัทที่เป็นพวกเป็นหมู่กันเป็นไฉน ในบริษัทใดใน โลกนี้ พวกภิกษุต่างบาดหมางกัน ทะเลาะกัน วิวาทกัน ทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปากอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าบริษัทที่เป็นพวกเป็นหมู่กัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บริษัทที่พร้อมเพรียง กันเป็นไฉน บริษัทใดในโลกนี้ พวกภิกษุต่างสามัคคีกัน ชื่นชมยินดี ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือน น้ำนมกับน้ำ ต่างมองดูกันและกันด้วยนัยน์ตาอันเปี่ยมด้วยความรักอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียก ว่าบริษัทพร้อมเพรียงกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พวกภิกษุต่างสามัคคีกัน ชื่นชมยินดี ไม่ วิวาทกัน เป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ ต่างมองดูกันและกันด้วยนัยน์ตาอันเปี่ยมด้วยความรักอยู่ สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายต่างประสบบุญเป็นอันมาก ในสมัยเช่นนั้นภิกษุทั้งหลายต่างก็อยู่เหมือนพรหม คือ อยู่ด้วยมุทิตาเจโตวิมุติ ผู้ที่ปราโมทย์ย่อมเกิดปีติ ผู้ที่มีใจประกอบด้วยปีติกายย่อมสงบ ผู้มี กายสงบย่อมเสวยสุข ผู้มีสุขจิตย่อมตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนฝนเม็ดใหญ่ตกลง บนยอดเขา น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ทำให้ซอกเขา ลำธารและห้วยเต็มเปี่ยม ซอกเขา ลำธาร และห้วยเต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้หนองเต็มเปี่ยม หนองเต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้บึงเต็มเปี่ยม บึงเต็ม เปี่ยมแล้ว ทำให้แม่น้ำน้อยเต็มเปี่ยม แม่น้ำน้อยเต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้แม่น้ำใหญ่ๆ เต็ม เปี่ยม แม่น้ำใหญ่ๆ เต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้สมุทรเต็มเปี่ยมฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้น เหมือนกัน สมัยใด พวกภิกษุต่างสามัคคี ชื่นชมยินดีกัน ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือนน้ำนมกับ น้ำ ต่างมองดูกันและกันด้วยนัยน์ตาอันเปี่ยมด้วยความรักอยู่ สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายต่างก็อยู่