พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/232/394 395 396
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
[๓๙๔] ดูกรภิกษุ ปัสสัทธิ ๖ อย่างนี้ คือ เมื่อภิกษุเข้าปฐมฌาน วาจาย่อมระงับ
เมื่อเข้าทุติยฌาน วิตกวิจารย่อมระงับ เมื่อเข้าตติยฌาน ปีติย่อมระงับ เมื่อเข้าจตุตถฌาน ลม
อัสสาสะปัสสาสะย่อมระงับ เมื่อเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและเวทนาย่อมระงับ ราคะ
โทสะ โมหะของภิกษุขีณาสพย่อมระงับ ฯ
จบสูตรที่ ๑
วาตสูตรที่ ๑
[๓๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนลมต่างชนิด พัดไปแม้ในอากาศ คือ ลม
ทิศตะวันออกบ้าง ลมทิศตะวันตกบ้าง ลมทิศเหนือบ้าง ลมทิศใต้บ้าง ลมมีธุลีบ้าง ลมไม่มี
ธุลีบ้าง ลมหนาวบ้าง ลมร้อนบ้าง ลมอ่อนบ้างลมแรงบ้าง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เวทนา
ต่างชนิดย่อมเกิดขึ้นในกายนี้ฉันนั้นเหมือนกันแล คือ สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง
อทุกขมสุขเวทนาบ้าง ฯ
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถา
ประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๓๙๖] เปรียบเหมือนลมมากมายหลายชนิด พัดไปในอากาศคือ บางครั้ง
ลมทิศตะวันออกบ้าง บางครั้งทิศตะวันตกบ้าง บางครั้งทิศเหนือบ้าง บาง
ครั้งทิศใต้บ้าง บางครั้งมีธุลีบ้างบางครั้งไม่มีธุลีบ้าง บางครั้งลมหนาวบ้าง
บางครั้งลมร้อนบ้าง บางครั้งลมอ่อนบ้าง ฉันใด เวทนาย่อมเกิดขึ้น
ในกายนี้ ฉันนั้นเหมือนกัน คือสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขม
สุขเวทนาบ้าง เมื่อใดภิกษุมีความเพียร รู้สึกอยู่ เข้านิโรธ เมื่อนั้น
เธอผู้เป็นบัณฑิตย่อมกำหนดรู้เวทนา ได้ทุกอย่าง ภิกษุนั้นกำหนดรู้
เวทนาแล้วเป็นผู้ไม่มีอาสวะ ตั้งอยู่ในธรรม เรียนจบพระเวทในปัจจุบัน
เพราะกายแตกย่อมไม่เข้าถึงซึ่งบัญญัติ ฯ
จบสูตรที่ ๒