พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/229/217 218

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
เล่ม 22
หน้า 229
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทน ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ผู้อดทนย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑ ย่อมเป็นผู้ไม่โหดร้าย ๑ ย่อมเป็นผู้ไม่ เดือดร้อน ๑ ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทน ๕ ประการนี้แล ฯ จบสูตรที่ ๖ ๗. อปาสาทิกสูตรที่ ๑
[๒๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยกายกรรม เป็นต้นอันไม่น่าเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ แม้ตนเองย่อมติเตียนตนได้ ๑ วิญญูชน พิจารณาแล้ว ย่อมติเตียน ๑ กิติศัพท์ที่ชั่วย่อมฟุ้งไป ๑ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑ เมื่อตาย ไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ใน บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยกายกรรมเป็นต้นอันไม่น่าเลื่อมใส ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤตินำมาซึ่ง ความเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ แม้ตนเองย่อมไม่ติเตียนตนได้ ๑ วิญญูชนพิจารณา แล้วย่อมสรรเสริญ ๑ กิติศัพท์อันงามย่อมฟุ้งไป ๑ ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑ เมื่อตาย ไปเข้าย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้มี ความประพฤตินำมาซึ่งความเลื่อมใส ฯ จบสูตรที่ ๗ ๘. อปาสาทิกสูตร ๒
[๒๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยกายกรรม เป็นต้นอันไม่น่าเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ คนพวกที่ยังไม่เลื่อมใสย่อมไม่เลื่อมใส ๑ คนพวกที่เลื่อมใสแล้วบางพวกย่อมคลายความเลื่อมใส ๑ ชื่อว่าย่อมไม่กระทำตามคำสอนของ