พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/227/591 592 593 594 595
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๕๙๑] คำว่า เรื่องนี้มีแล้วดังนี้ เรื่องนี้จักมีดังนี้ ความว่า ได้ยินว่า เรื่องนี้มีแล้ว
อย่างนี้ ได้ยินว่าเรื่องจักมีอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เรื่องนี้มีแล้วดังนี้ เรื่องนี้จักมีดังนี้.
[๕๙๒] คำว่า คำทั้งหมดนั้น เป็นคำกล่าวสืบๆ กันมา ความว่า คำนั้นทั้งสิ้นเป็น
คำกล่าวสืบๆ กันมา คือ อาจารย์เหล่านั้น กล่าวธรรมอันไม่ประจักษ์แก่ตน ที่ตนมิได้รู้มาเอง
ตามที่ได้ยินกันมาตามลำดับสืบๆ กันมา ตามความอ้างตำรา ตามเหตุที่นึกเดาเอาเอง ตามเหตุ
ที่คาดคะเนเอาเอง ด้วยความตรึกตามอาการด้วยความชอบใจว่าต้องกับลัทธิของตน เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า คำทั้งหมดนั้นเป็นคำกล่าวสืบๆ กันมา.
[๕๙๓] คำว่า คำทั้งหมดนั้น เป็นเครื่องยังความตรึกให้เจริญ ความว่า คำนั้นทั้งสิ้น
เป็นเครื่องยังความตรึกให้เจริญ คือ เป็นเครื่องยังวิตกให้เจริญ เป็นเครื่องยังความดำริให้เจริญ
เป็นเครื่องยังกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ให้เจริญ เป็นเครื่องยังความตรึกถึงญาติให้
เจริญ เป็นเครื่องยังความตรึกถึงชนบทให้เจริญ เป็นเครื่องยังความตรึกถึงเทวดาให้เจริญ เป็น
เครื่องยังวิตกอันปฏิสังยุตด้วยความเอ็นดูผู้อื่นให้เจริญ เป็นเครื่องยังวิตกอันปฏิสังยุตด้วยลาภ
สักการะและความสรรเสริญให้เจริญ เป็นเครื่องยังวิตกอันปฏิสังยุตด้วยความไม่ปรารถนา ให้ใคร
ดูหมิ่นตนให้เจริญ. เพราะฉะนั้น พระปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า
ในกาลก่อน (อื่นแต่ศาสนาของพระโคดม) อาจารย์เหล่าใด
พยากรณ์ว่า เรื่องนี้มีแล้วดังนี้ เรื่องนี้จักมีดังนี้. คำทั้งหมด
นั้นเป็นคำกล่าวสืบๆ กันมา. คำทั้งหมดนั้นเป็นเครื่องยัง
ความตรึกให้เจริญ.
[๕๙๔] พระผู้มีพระภาคนั้นพระองค์เดียว ทรงบรรเทาความมืดเสีย
ประทับอยู่แล้ว มีพระปัญญาสว่างแผ่รัศมี. พระโคดมมี
พระปัญญาปรากฏ. พระโคดมมีพระปัญญากว้างขวางดัง
แผ่นดิน.
[๕๙๕] คำว่า เอโก ในอุเทศว่า เอโก ตมนุภาสีโน ดังนี้ ความว่า พระผู้มีพระภาค
ชื่อว่าพระองค์เดียว โดยส่วนแห่งบรรพชา ชื่อว่าพระองค์เดียว เพราะอรรถว่าไม่มีเพื่อนสอง
เพราะอรรถว่าละตัณหา เพราะปราศจากราคะโดยส่วนเดียว เพราะปราศจากโทสะโดยส่วนเดียว