พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/223/290      
      สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
      
     
 
    
        
          
            
 [๒๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ อย่างไร  เล่า ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือนิวรณ์ ๕ ภิกษุพิจารณา      เห็นธรรมในธรรมคือ
นิวรณ์ ๕ อย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกามฉันท์       มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กาม
ฉันท์มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อ     กามฉันท์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันท์
ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต       ของเรา อนึ่ง กามฉันท์ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัด
ประการนั้น ด้วย กามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
 กามฉันท์ที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย  อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อพยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาทมีอยู่ ณ       ภายในจิตของเรา หรือเมื่อพยาบาท
ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาท       ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง พยาบาทที่ยังไม่
เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด    ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้
ด้วยประการใด ย่อม    รู้ชัดประการนั้นด้วย พยาบาทที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการ
ใด ย่อม    รู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า  ถีน
มิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต  ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะ
ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด  จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัด
ประการนั้นด้วย ถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว จะ    ละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
 ถีนมิทธะที่ละได้แล้ว จะไม่     เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อ อุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายใน จิตของเรา
หรือเมื่ออุทธัจจกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจ กุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต
ของเรา อนึ่ง อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิดจะเกิด  ขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้ว จะ   ละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อุทธัจจ
กุกกุจจะที่ละได้แล้ว    จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อ   วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา     หรือเมื่อวิจิกิจฉา
ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายใน      จิตของเรา อนึ่ง วิจิกิจฉาที่ยัง
ไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้น    ด้วย วิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสีย
ได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย       วิจิกิจฉาที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการ
ใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายใน