พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/216/560 561 562 563 564
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
คำว่า สนฺติเก ความว่า ในสำนัก ในที่ใกล้ ในที่เคียง ในที่ไม่ไกล ในที่ใกล้ชิด
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ในสำนักแห่งพระพุทธเจ้ามีพระปัญญาประเสริฐ. เพราะเหตุนั้น ท่านจึง
กล่าวคาถาประพันธ์นี้ว่า
พราหมณ์เหล่านั้น อันพระพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุเป็นเผ่าพันธุ์
แห่งพระอาทิตย์ ทรงให้ยินดีแล้ว ได้ประพฤติพรหมจรรย์
ในสำนักแห่งพระพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาประเสริฐ.
[๕๖๐] ผู้ใดพึงปฏิบัติธรรมแห่งปัญหาหนึ่งๆ ตามที่พระพุทธเจ้า
ทรงแสดงแล้ว ผู้นั้นพึงจากที่มิใช่ฝั่งไปถึงฝั่ง.
[๕๖๑] คำว่า แห่งปัญหาหนึ่งๆ ความว่า แห่งอชิตปัญหาหนึ่งๆ แห่งติสสเมตเตยย
ปัญหาหนึ่งๆ ฯลฯ แห่งปิงคิยปัญหาหนึ่งๆ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า แห่งปัญหาหนึ่งๆ.
[๕๖๒] คำว่า พุทเธน ในอุเทศว่า ยถา พุทฺเธน เทสิตํ ดังนี้ จะกล่าวต่อไปนี้
พระผู้มีพระภาค ฯลฯ พระนามว่า พุทโธ นี้ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ.
คำว่า ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ความว่า ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกแล้ว ...
ประกาศแล้ว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว.
[๕๖๓] คำว่า ผู้ใดพึงปฏิบัติตามธรรม ความว่า ผู้ใดพึงปฏิบัติข้อปฏิบัติชอบ ข้อปฏิบัติ
สมควร ข้อปฏิบัติไม่เป็นข้าศึก ข้อปฏิบัติเป็นไปตามประโยชน์ ข้อปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้ใดพึงปฏิบัติตามธรรม.
[๕๖๔] อมตนิพพาน ความสงบสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา
ความคลายกำหนัด ความดับ ความออกจากตัณหา เป็นเครื่องร้อยรัด ท่านกล่าวว่า ฝั่ง
ในอุเทศว่า คจฺเฉ ปารํ อปารโต ดังนี้.
กิเลสก็ดี อภิสังขารก็ดี ท่านกล่าวว่า ที่มิใช่ฝั่ง.
คำว่า พึงจากที่มิใช่ฝั่งไปถึงฝั่ง ความว่า พึงจากที่มิใช่ฝั่งไปถึงฝั่ง คือ พึงบรรลุถึง
พึงถูกต้อง พึงทำให้แจ้งซึ่งฝั่ง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงจากที่มิใช่ฝั่งไปถึงฝั่ง ฯลฯ. เพราะ
เหตุนั้น ท่านจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ว่า