พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/216/409
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
พยากรณ์อย่างนี้ว่า ถ้าแม้บุคคลทำ ความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่
สามารถจะบรรลุผลถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่
สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบ
คาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติ
พรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล แต่ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติ
พรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาจะสามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์
โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถบรรลุผลถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติ
พรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็ จะสามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่
แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถบรรลุผล ดูกรพระราชกุมาร เรื่องนี้
อาตมภาพมิได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเลย แต่ข้อที่พระผู้มีพระภาคจะพึงทรง
พยากรณ์อย่างนี้ นั่น เป็นฐานะที่มีได้แล พระราชกุมารชยเสนะรับสั่งว่า ถ้าศาสดาของท่าน
ภูมิชะมีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ บอกไว้อย่างนี้ศาสดาของท่านภูมิชะ ชะรอยจะดำรงอยู่
เหนือหัวของสมณพราหมณ์จำนวนมากทั้งมวลโดยแท้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ถูกถาม
อย่างนี้แล้ว เมื่อพยากรณ์ อย่างนี้ จะเป็นผู้กล่าวตามพระดำรัสของพระผู้มีพระภาค ไม่กล่าวตู่พระผู้มี
พระภาค ด้วยคำไม่จริง พยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และวาทะอนุวาทะไรๆ อันชอบด้วยเหตุ
จะไม่ถึงฐานะน่าตำหนิบ้างหรือ ฯ
[๔๐๙] พ. ดูกรภูมิชะ เหมาะแล้ว เธอถูกถามอย่างนี้ เมื่อพยากรณ์อย่างนี้ ย่อม
เป็นผู้กล่าวตามถ้อยคำของเรา ไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง พยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และ
วาทะอนุวาทะไรๆ อันชอบด้วยเหตุ ย่อมไม่ถึงฐานะน่า ตำหนิ ดูกรภูมิชะ ก็สมณะหรือ
พราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิผิดมีสังกัปปะผิด มีวาจาผิด มีกัมมันตะผิด มีอาชีวะผิด
มีวายามะผิด มีสติผิด มีสมาธิผิด ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถ
จะบรรลุผลถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้
ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุ ผล ถ้าแม้ทำ
ความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล นั่น
เพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผล ได้โดยอุบายไม่แยบคาย ฯ