พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/215/319 320

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เล่ม 11
หน้า 215
๖. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ยึดมั่นในความเห็นของตน มักถือรั้น คลายได้ยาก ผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้ยึดมั่นในความเห็นของตน มักถือรั้น คลายได้ยาก ย่อมจะไม่เคารพไม่ยำเกรงแม้ในพระศาสดาอยู่ย่อมจะไม่เคารพไม่ยำเกรงแม้ ในพระธรรมอยู่ ย่อมจะไม่เคารพไม่ยำเกรงแม้ในพระสงฆ์อยู่ ย่อมเป็นผู้ไม่กระทำให้บริบูรณ์ แม้ในสิกขา ผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่เคารพไม่ยำเกรงในพระศาสดาอยู่ ไม่เคารพไม่ยำเกรง ในพระธรรมอยู่ ไม่เคารพไม่ยำเกรงในพระสงฆ์อยู่ ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในสิกขา ย่อมจะก่อความ วิวาทซึ่งเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อมิใช่สุขแก่ชนมาก เพื่อความพินาศแก่ชนมาก เพื่อมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายขึ้นในสงฆ์ ผู้มีอายุทั้งหลาย ถ้าพวกท่านพิจารณาเห็นมูลเหตุแห่งความวิวาทเห็นปานดังนี้ ทั้งภายในภายนอก พึงพยายามที่จะ ละมูลเหตุแห่งความวิวาทอันเลวทรามเช่นนั้นเสียผู้มีอายุทั้งหลาย ถ้าพวกท่านพิจารณาไม่ เห็นมูลเหตุแห่งความวิวาทเห็นปานดังนี้ ทั้งภายในภายนอก พึงปฏิบัติเพื่อไม่ให้มีมูลเหตุแห่งความ วิวาทอันเลวทรามเช่นนี้ต่อไปเมื่อพยายามได้เช่นนี้ ย่อมจะละมูลเหตุแห่งความวิวาทอันเลวทราม เช่นนี้เสียได้เมื่อปฏิบัติได้เช่นนี้ มูลเหตุแห่งความวิวาทอันเลวทรามเช่นนี้ ย่อมจะมีไม่ได้อีก ต่อไป ฯ
[๓๑๙] ธาตุ ๖ อย่าง ๑. ปฐวีธาตุ
[ธาตุดิน] ๒. อาโปธาตุ
[ธาตุน้ำ] ๓. เตโชธาตุ
[ธาตุไฟ] ๔. วาโยธาตุ
[ธาตุลม] ๕. อากาศธาตุ
[ธาตุอากาศ ช่องว่างมีในกาย] ๖. วิญญาณธาตุ
[ธาตุวิญญาณ ความรู้อะไรได้]
[๓๒๐] นิสสารณียธาตุ ๖ อย่าง ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า เจโตวิมุติที่ ประกอบด้วยเมตตาแล อันเราอบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นยานแล้ว ทำให้เป็นที่ตั้งแล้ว คล่องแคล่วแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้วแต่ถึงอย่างนั้น พยาบาทก็ยังครอบงำจิตของเราตั้ง