พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/214/552 553 554 555 556
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๕๕๒] คำว่า ทูลถามปัญหาแล้ว ในอุเทศว่า ปญฺหํ ปุฏฺโฐ ยถาตถํ ดังนี้ ความว่า
ทูลถามปัญหาแล้ว ทูลอาราธนาเชื้อเชิญ ให้ทรงประสาทแล้ว.
คำว่า ตามควร ความว่า ตรัสบอกตามที่ควรตรัสบอก ทรงแสดงตามที่ควรทรงแสดง
ทรงบัญญัติตามที่ควรทรงบัญญัติ ทรงแต่งตั้งตามที่ควรทรงแต่งตั้ง ทรงเปิดเผยตามที่ทรงควร
เปิดเผย ทรงจำแนกตามที่ควรทรงจำแนก ทรงทำให้ง่ายตามที่ควรทรงทำให้ง่าย ทรงประกาศ
ตามที่ควรทรงประกาศ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ทูลถามปัญหาแล้ว ... ตามควร.
[๕๕๓] คำว่า ด้วยการทรงพยากรณ์ซึ่งปัญหาทั้งหลายความว่า ด้วยการทรงพยากรณ์
คือ ด้วยตรัสบอก ... ด้วยทรงประกาศซึ่งปัญหาทั้งหลาย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ด้วยการทรง
พยากรณ์ซึ่งปัญหาทั้งหลาย.
[๕๕๔] คำว่า ทรงให้ยินดี ในอุเทศว่า โตเสสิ พฺราหฺมเณ มุนิ ดังนี้ ความว่า
ทรงให้ยินดี ให้ยินดียิ่ง ให้เลื่อมใส ให้พอใจ ทรงทำให้เป็นผู้ปลื้มใจ.
คำว่า ยังพราหมณ์ทั้งหลาย ความว่า ยังพราหมณ์ผู้มีความต้องการถึงฝั่ง ๑๖ คน.
ญาณ คือ ปัญญา ความรู้ชัด ท่านกล่าวว่า โมนะ ในคำว่า มุนี. ฯลฯ พระพุทธเจ้า
นั้น ล่วงแล้วซึ่งกิเลสเป็นเครื่องข้องและตัณหาเป็นดังข่ายจึงเป็นพระมุนี เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระมุนี ทรงยังพราหมณ์ทั้งหลายให้ยินดีแล้ว. เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าว
คาถาประพันธ์นี้ว่า
พระพุทธเจ้าอันพราหมณ์เหล่านั้นทูลถามปัญหาแล้ว ทรง
พยากรณ์แล้วตามสมควร. พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระมุนี
ทรงให้พราหมณ์ทั้งหลายยินดีแล้ว ด้วยการพยากรณ์ปัญหา
ทั้งหลาย
[๕๕๕] พราหมณ์เหล่านั้น อันพระพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุ เป็นเผ่าพันธุ์
แห่งพระอาทิตย์ ทรงให้ยินดีแล้ว ได้ประพฤติพรหมจรรย์
ในสำนักแห่งพระพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาประเสริฐ.
[๕๕๖] คำว่า เต ในอุเทศว่า เต โตสิตา จกฺขุมตา ดังนี้ คือ พราหมณ์ผู้มีความ
ต้องการถึงฝั่ง ๑๖ คน.