พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/213/548 549 550 551
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๕๔๘] คำว่า ปุจฺฉนฺตา ในอุเทศว่า ปุจฺฉนฺตา นิปุเณ ปญฺเห ดังนี้ ความว่า
เมื่อทูลถาม ทูลอาราธนา ทูลเชื้อเชิญ ทูลให้ทรงประสาท.
คำว่า ซึ่งปัญหาทั้งหลายอันละเอียด ความว่า ซึ่งปัญหาทั้งหลายที่ลึกเห็นได้ยาก ตรัสรู้
ได้ยาก สงบ ประณีต ไม่พึงหยั่งลงได้ด้วยความตรึก อันละเอียด ที่บัณฑิตพึงรู้ได้ เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า เมื่อทูลถามซึ่งปัญหาทั้งหลายอันละเอียด.
[๕๔๙] คำว่า พระพุทธเจ้า ในอุเทศว่า พุทฺธเสฏฺฐํ อุปาคมุํ ดังนี้ จะกล่าวดังต่อไปนี้
พระผู้มีพระภาค ฯลฯ พระนามว่า พุทโธ นี้ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ.
คำว่า ผู้ประเสริฐ ความว่า ผู้เลิศ ประเสริฐ วิเศษ เป็นประธาน อุดม อย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ.
คำว่า มาเฝ้าแล้ว ความว่า มาเฝ้า เข้ามาเฝ้า เข้ามานั่งใกล้ ทูลถามแล้ว สอบถาม
แล้ว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มาเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวคาถา
ประพันธ์นี้ว่า
พราหมณ์เหล่านั้นเข้ามาเฝ้าแล้วซึ่งพระพุทธเจ้าผู้มีจรณะ ถึง
พร้อมแล้ว ผู้แสวงหา เมื่อทูลถามซึ่งปัญหาทั้งหลายอัน
ละเอียด เข้ามาเฝ้าแล้วซึ่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ.
[๕๕๐] พระพุทธเจ้าอันพราหมณ์เหล่านั้นทูลถามปัญหาแล้ว ทรง
พยากรณ์แล้วตามควร. พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระมุนี ทรงให้
พราหมณ์ทั้งหลายยินดีด้วยการทรงพยากรณ์ปัญหาทั้งหลาย.
[๕๕๑] คำว่า เตสํ ในอุเทศว่า เตสํ พุทฺโธ พฺยากาสิ ดังนี้ ความว่า อันพราหมณ์
ผู้มีความต้องการถึงฝั่ง ๑๖ คน.
คำว่า พุทฺโธ จะกล่าวดังต่อไปนี้ พระผู้มีพระภาค ฯลฯ พระนามว่า พุทโธ นี้
เป็นสัจฉิกาบัญญัติ.
คำว่า ทรงพยากรณ์แล้ว ความว่า พระพุทธเจ้าอันพราหมณ์เหล่านั้น ทูลถามปัญหาแล้ว
ทรงพยากรณ์แล้ว คือ ตรัสบอกแล้ว ... ทรงประกาศแล้ว เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า พระพุทธเจ้า
อันพราหมณ์เหล่านั้น ... ทรงพยากรณ์แล้ว.