พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/212/547

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 212
ทรงเห็นธรรมทั้งปวง เพราะทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ยิ่ง เพราะทรงเบิกบานแล้ว เพราะส่วนแห่งพระองค์ มีอาสวะสิ้นแล้ว เพราะส่วนแห่งพระองค์ไม่มีอุปกิเลส เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากราคะโดย ส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากโทสะโดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากโมหะ โดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ไม่ทรงมีกิเลสโดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงถึงแล้วซึ่ง เอกายนมรรค เพราะอรรถว่า ทรงเป็นผู้เดียวตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้วซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณอัน ประเสริฐ เพราะทรงกำจัดความไม่รู้ เพราะทรงได้พระปัญญาเครื่องตรัสรู้. พระนามว่า พุทโธ นี้ พระมารดา พระบิดา พี่น้องชาย พี่น้องหญิง มิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิต สมณพราหมณ์ เทวดา มิได้ทำให้. พระนามนี้ เป็นวิโมกขันติกนาม (พระนาม ที่เกิดขึ้นในที่สุดแห่งการหลุดพ้น). พระนามว่า พุทโธ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ พร้อมด้วยการ บรรลุสัพพัญญุตญาณ ณ ควงไม้โพธิแห่งพระผู้มีพระภาคทั้งหลายผู้ตรัสรู้แล้ว เพราะฉะนั้น จึง ชื่อว่าพระพุทธเจ้า. คำว่า พราหมณ์เหล่านี้มาเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว ความว่า พราหมณ์เหล่านี้มาเฝ้า เข้ามา เฝ้า เข้ามานั่งใกล้ ทูลถามแล้ว สอบถามแล้ว ซึ่งพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พราหมณ์เหล่านี้มาเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว.
[๕๔๗] ความสำเร็จแห่งศีลและอาจาระ ท่านกล่าวว่าจรณะ ในอุเทศว่า สมฺปนฺนจรณํ อิสึ ดังนี้. ศีลสังวรก็ดี อินทรีย์สังวรก็ดี โภชเนมัตตัญญุตาก็ดี ชาคริยานุโยคก็ดี สัทธรรม ๗ ก็ดี ฌาน ๔ ก็ดี เป็นจรณะ. คำว่า ผู้มีจรณะถึงพร้อมแล้ว ความว่า มีจรณะสมบูรณ์ มีจรณะประเสริฐ มีจรณะ เป็นประธาน มีจรณะอุดม มีจรณะอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้มีจรณะถึงพร้อมแล้ว. คำว่า อิสึ ความว่า ผู้แสวงหา. พระผู้มีพระภาคทรงแสวงหา เสาะหา ค้นหา ซึ่ง ศีลขันธ์ใหญ่ เพราะฉะนั้น พระองค์จึงชื่อว่า ผู้แสวงหา. ฯลฯ อนึ่ง พระผู้มีพระภาคอันสัตว์ ทั้งหลายที่มีอานุภาพมากแสวงหา เสาะหา ค้นหาว่า พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ที่ไหน พระ ผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ที่ไหน พระผู้มีพระภาคเป็นเทวดาประทับอยู่ ณ ที่ไหน พระนราสภ ประทับอยู่ ณ ที่ไหน เพราะฉะนั้น พระองค์จึงชื่อว่า ผู้แสวงหา เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้มี จรณะถึงพร้อมแล้ว ผู้แสวงหา.