พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/206/256
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ย่อมปรารถนาว่า ขอพวกเราจงเป็น ผู้ไม่มีเวรอยู่เถิด ก็และพวกเขามีความปรารถนาอยู่ดังนี้ ถึง
อย่างนั้น เขาก็ยังเป็น ผู้มีเวร มีอาชญา มีศัตรู มีความพยาบาท ยังจองเวรกันอยู่ พระผู้มี
พระภาค อันท้าวสักกะจอมเทพทูลถามปัญหาแล้ว ทรงพยากรณ์ด้วยประการฉะนี้ ฯ
ท้าวสักกะจอมเทพทรงดีพระทัย ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
พระผู้มีพระภาค ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระสุคต ข้อนี้เป็น อย่างนั้น ในข้อนี้ ข้าพระองค์
ข้ามความสงสัยแล้ว ปราศจากถ้อยคำที่จะพูดว่า อย่างไรแล้ว เพราะได้ฟังการพยากรณ์ปัญหาของ
พระผู้มีพระภาค ฯ
[๒๕๖] ท้าวสักกะจอมเทพทรงชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาค ในปัญหา
พยากรณ์ข้อแรกดังนี้แล้ว จึงได้ทูลถามปัญหากะพระผู้มีพระภาคยิ่งขึ้นไป ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์
ก็ความริษยาและความตระหนี่ มีอะไรเป็นเหตุ มี อะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไร
เป็นแดนเกิด เมื่ออะไรมี ความริษยา และความตระหนี่จึงมี เมื่ออะไรไม่มี ความริษยาและ
ความตระหนี่จึงไม่มี ฯ
ภ. ดูกรจอมเทพ ความริษยาและความตระหนี่มีอารมณ์เป็นที่รักและ อารมณ์อันไม่เป็น
ที่รักเป็นเหตุ เป็นสมุทัย เป็นกำเนิด อันเป็นแดนเกิด เมื่อ อารมณ์อันเป็นที่รักและอารมณ์อัน
ไม่เป็นที่รักมีอยู่ ความริษยาและความตระหนี่ จึงมี เมื่ออารมณ์อันเป็นที่รักและอารมณ์อันไม่เป็น
ที่รักไม่มี ความริษยาและความ ตระหนี่จึงไม่มี ฯ
ส. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ อารมณ์อันเป็นที่รักและอารมณ์อันไม่เป็น ที่รัก มีอะไร
เป็นเหตุ มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด เมื่ออะไรมี อารมณ์อันเป็น
ที่รักและอารมณ์อันไม่เป็นที่รักจึงมี เมื่ออะไรไม่มี อารมณ์อันเป็นที่รักและอารมณ์อันไม่เป็นที่รัก
จึงไม่มี ฯ
ดูกรจอมเทพ อารมณ์อันเป็นที่รักและอารมณ์อันไม่เป็นที่รัก มีความพอ ใจเป็นเหตุ
เป็นสมุทัย เป็นกำเนิด เป็นแดนเกิด เมื่อความพอใจมี อารมณ์ อันเป็นที่รักและอารมณ์อันไม่
เป็นที่รักจึงมี เมื่อความพอใจไม่มี อารมณ์อันเป็น ที่รักและอารมณ์อันไม่เป็นที่รักจึงไม่มี ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ความพอใจมีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็น
กำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด เมื่ออะไรมี ความพอใจจึงมี เมื่ออะไร ไม่มี ความพอใจจึงไม่มี ฯ
ดูกรจอมเทพ ความพอใจมีความตรึกเป็นเหตุ เป็นสมุทัย เป็นกำเนิด เป็นแดนเกิด
เมื่อความตรึกมี ความพอใจจึงมี เมื่อความตรึกไม่มี ความพอใจ จึงไม่มี ฯ