พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/205/254 255
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
เป็นเช่นนี้ บรรดาพระสาวก มิได้มีสาวกรูปไรสงสัยอะไรเลย เราทั้งหลาย
ขอนอบน้อม พระชินพุทธเจ้าผู้เป็นจอมชน ทรงข้ามโอฆะได้แล้ว ทรงตัด
ความสงสัยได้แล้ว บรรดาคนธรรพ์ทั้ง ๓ นั้น คนธรรพ์ ๒ คน นั้น รู้
ธรรมอันใดของพระองค์แล้ว ถึงความเป็นผู้วิเศษ เข้า ถึงกายอันเป็นชั้น
พรหมปุโรหิต บรรลุคุณวิเศษแล้ว ข้าแต่ พระองค์ผู้นิรทุกข์ ขอประทาน
พระวโรกาส ถึงพวกข้าพระองค์ ก็มาเพื่อบรรลุธรรมนั้น หากพระองค์ทรง
กระทำโอกาสแล้ว จะ ขอทูลถามปัญหา ฯ
[๒๕๔] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงพระดำริว่า ท้าวสักกะนี้เป็นผู้ บริสุทธิ์สิ้นเวลา
นาน จักตรัสถามปัญหาข้อใดข้อหนึ่งกะเรา ท้าวเธอจักถามปัญหา นั้นทุกข้อ ซึ่งประกอบด้วย
ประโยชน์ จักไม่ถามปัญหาที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ อนึ่ง เราอันท้าวเธอตรัสถามแล้ว จัก
พยากรณ์ข้อความใด ท้าวเธอจักทรงทราบ ข้อความนั้นได้พลันทีเดียว ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท้าวสักกะจอมเทพด้วยพระคาถาว่า
ดูกรท้าววาสพ พระองค์ปรารถนาไว้ในพระทัย เพื่อจะตรัสถาม ปัญหา
ข้อไร ก็จงตรัสถามปัญหาข้อนั้นกะอาตมภาพเถิด อาตมภาพ จะกระทำ
ที่สุดแห่งปัญหานั้นๆ แก่พระองค์ ฯ
จบ ภาณวารที่หนึ่ง
[๒๕๕] ท้าวสักกะจอมเทพ อันพระผู้มีพระภาคทรงให้โอกาสแล้ว ได้ ทูลถามปัญหา
ข้อแรกกะพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวก เทวดา มนุษย์ อสูร นาค
คนธรรพ์ มีอะไรเป็นเครื่องผูกพันใจไว้ อนึ่ง ชนเป็นอันมากเหล่าอื่นนั้น เป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มี
อาชญา ไม่มีศัตรู ไม่มีความ พยาบาท ย่อมปรารถนาว่า ขอพวกเราจงเป็นผู้ไม่มีเวรอยู่เถิด
ก็และพวกเขามี ความปรารถนาอยู่ดังนี้ ก็ไฉน เขายังเป็นผู้มีเวร มีอาชญา มีศัตรู มีความพยาบาท
ยังจองเวรกันอยู่ ท้าวสักกะจอมเทพได้ทูลถามปัญหากะพระผู้มีพระภาคด้วยประการ ฉะนี้ ฯ
พระผู้มีพระภาคอันท้าวสักกะจอมเทพทูลถามปัญหาแล้ว ทรงพยากรณ์ว่า ดูกรจอมเทพ
พวกเทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ มีความริษยาและ ความตระหนี่เป็นเครื่องผูกพันใจไว้
อนึ่ง ชนเป็นอันมากเหล่าอื่นนั้น เป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีอาชญา ไม่มีศัตรู ไม่มีความพยาบาท