พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/203/653 654 655 656 657
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๖๕๓] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปสู่
กรุงราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาตในเวลาเช้า เสด็จไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ตามลำดับตรอก เสด็จ
เข้าไปยังที่อยู่ของอัคคิกภารทวาชพราหมณ์ ครั้นแล้วได้ประทับยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๖๕๔] อัคคิกภารทวาชพราหมณ์ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับยืนเพื่อบิณฑบาต
ครั้นแล้วได้กราบทูลกะพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
พราหมณ์ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยไตรวิชชา มีชาติฟังคัมภีร์เป็นอันมาก ถึงพร้อม
แล้วด้วยวิชชาและจรณะ พราหมณ์นั้นควรบริโภคปายาสนี้ ฯ
[๖๕๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
พราหมณ์ผู้กล่าวถ้อยคำแม้มาก เป็นผู้เน่าและเศร้าหมองในภายใน อัน
ความโกหกแวดล้อมแล้ว ย่อมไม่ชื่อว่าเป็นพราหมณ์เพราะชาติ ผู้ใดรู้
ปุพเพนิวาส และเห็นทั้งสวรรค์ทั้งอบาย อนึ่ง ถึงความสิ้นไปแห่ง
ชาติ เป็นมุนีผู้อยู่จบแล้วเพราะรู้ยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้มีไตรวิชชาด้วยวิชชา
สามเหล่านี้ ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ
พราหมณ์นั้นควรบริโภคปายาสนี้ ฯ
อัคคิกภารทวาชพราหมณ์กราบทูลว่า พระโคดมผู้เจริญ ขอเชิญบริโภคเถิด พระโคดม
เป็นพราหมณ์ผู้เจริญ ฯ
[๖๕๖] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
เราไม่พึงบริโภคโภชนะที่ได้เพราะการขับกล่อม ดูกรพราหมณ์ นั่นไม่ใช่
ธรรมของผู้พิจารณาอยู่ พระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมรังเกียจโภชนะที่ได้
เพราะการขับกล่อม ดูกรพราหมณ์ เมื่อธรรมมีอยู่ ความเลี้ยงชีพนี้ก็ยัง
มี อนึ่ง ท่านจงบำรุงพระขีณาสพทั้งสิ้นผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ผู้มี
ความคนองอันสงบแล้วด้วยข้าวน้ำอันอื่น เพราะว่าการบำรุงนั้น ย่อม
เป็นเขตของผู้มุ่งบุญ ฯ
[๖๕๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อัคคิกภารทวาชพราหมณ์ ได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้
เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ก็แหละท่านพระภารทวาชได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง
ในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ดังนี้แล ฯ