พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/203/299 300 301

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เล่ม 11
หน้า 203

[๒๙๙] อินทรีย์อีก ๕ อย่าง ๑. สุขุนทรีย์
[อินทรีย์คือสุข] ๒. ทุกขินทรีย์
[อินทรีย์คือทุกข์] ๓. โสมนัสสินทรีย์
[อินทรีย์คือโสมนัส] ๔. โทมนัสสินทรีย์
[อินทรีย์คือโทมนัส] ๕. อุเปกขินทรีย์
[อินทรีย์คืออุเบกขา]
[๓๐๐] อินทรีย์อีก ๕ อย่าง ๑. สัทธินทรีย์
[อินทรีย์คือศรัทธา] ๒. วิริยินทรีย์
[อินทรีย์คือวิริยะ] ๓. สตินทรีย์
[อินทรีย์คือสติ] ๔. สมาธินทรีย์
[อินทรีย์คือสมาธิ] ๕. ปัญญินทรีย์
[อินทรีย์คือปัญญา]
[๓๐๑] นิสสารณียธาตุ ๕ อย่าง ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่อภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มนสิการถึงกามทั้งหลายอยู่ จิตย่อมไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่พ้นวิเศษ ในเพราะกามทั้งหลาย แต่ว่าเมื่อเธอ มนสิการถึงเนกขัมมะอยู่แล จิตย่อมแล่นไป เลื่อมใสตั้งอยู่ พ้นวิเศษ ในเพราะเนกขัมมะ จิตของเธอนั้นไปดีแล้ว อบรมดีแล้วออกดีแล้ว พ้นวิเศษดีแล้ว พรากแล้วจากกามทั้งหลาย และเธอพ้นแล้วจากอาสวะอันเป็นเหตุเดือดร้อนกระวนกระวาย ซึ่งมีกามเป็นปัจจัยเกิดขึ้น เธอย่อมไม่เสวยเวทนานั้น ข้อนี้กล่าวได้ว่าเป็นเครื่องสลัดออกซึ่งกามทั้งหลาย ฯ ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก เมื่อภิกษุมนสิการถึงความพยาบาทอยู่ จิตย่อม ไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่พ้นวิเศษในเพราะความพยาบาท แต่ว่าเมื่อเธอมนสิการ ถึงความไม่พยาบาทอยู่แล จิตย่อมแล่นไปเลื่อมใส ตั้งอยู่ พ้นวิเศษในเพราะความไม่พยาบาท จิตของเธอนั้นไปดีแล้วอบรมดีแล้ว ออกดีแล้ว พ้นวิเศษดีแล้ว พรากแล้วจากความพยาบาท และเธอพ้นแล้วจากอาสวะอันเป็นเหตุเดือดร้อนกระวนกระวาย ซึ่งมีความพยาบาทเป็นปัจจัย เกิดขึ้น เธอย่อมไม่เสวยเวทนานั้น ข้อนี้กล่าวได้ว่าเป็นเครื่องสลัดออกซึ่งความพยาบาท ฯ