พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/202/649 650 651 652

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เล่ม 15
หน้า 202
สนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๖๔๙] สุทธิกภารทวาชพราหมณ์ นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคาถา นี้ในสำนักของพระผู้มีพระภาคว่า พราหมณ์บางคน ในโลกแม้เป็นผู้มีศีล กระทำตบะอยู่ ย่อมหมดจดไม่ ได้ พราหมณ์นั้นถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะย่อมหมดจดได้ หมู่ สัตว์อื่นนอกนี้ย่อมหมดจดไม่ได้ ฯ
[๖๕๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า พราหมณ์ผู้กล่าวถ้อยคำแม้มาก เป็นผู้เน่าและเศร้าหมองในภายใน อาศัยการโกหก (ลวงโลก) ย่อมไม่เป็นพราหมณ์เพราะชาติกษัตริย์ พราหมณ์ แพทย์ สูทร คนจัณฑาล และคนเทหยากเยื่อ มีความเพียร อันปรารภแล้ว มีตนส่งไปแล้วมีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ ย่อมถึง ความหมดจดอย่างยิ่ง ท่านจงรู้อย่างนี้เถิดพราหมณ์
[๖๕๑] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว สุทธิกภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระ ผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ก็แหละท่านพระภารทวาชะ ได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ใน บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ดังนี้แล ฯ อัคคิกสูตรที่ ๘
[๖๕๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในพระวิหารเวฬุวันอันเป็นที่พระราชทาน เหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ฯ ก็โดยสมัยนั้นแล อัคคิกภารทวาชพราหมณ์ปรุงข้าวปายาสด้วยเนยใสด้วยคิดว่า เรา จักบูชาไฟ จักบำเรอการบูชาไฟ ฯ