พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/201/644 645 646 647 648
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
ชฏาสูตรที่ ๖
[๖๔๔] สาวัตถีนิทาน ฯ
ครั้งนั้นแล ชฏาภารทวาชพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ครั้นแล้ว
สนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๖๔๕] ชฏาภารทวาชพราหมณ์ นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคด้วยคาถาว่า
ตัณหาพายุ่งในภายใน พายุ่งในภายนอก หมู่สัตว์ถูกตัณหาพายุ่งรัดรึงไว้
แล้ว ข้าแต่พระโคดม เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ว่า
ใครพึงสางตัณหาพายุ่งนี้ได้ ฯ
[๖๔๖] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ภิกษุใดเป็นคนมีปัญญา ตั้งมั่นอยู่ในศีล อบรมจิตและปัญญาให้เจริญ
มีความเพียร มีปัญญารักษาตน ภิกษุนั้นพึงสางตัณหาพายุ่งนี้ได้ ราคะ
โทสะและอวิชชา อันชนเหล่าใดสำรอกแล้ว ชนเหล่านั้นเป็นพระ
อรหันต์ มีอาสวะสิ้นแล้วตัณหาพายุ่งอันชนเหล่านั้นสางได้แล้ว นาม
และรูปย่อมดับไปไม่เหลือในที่ใด ปฏิฆสัญญา รูปสัญญา และตัณหา
พายุ่งนั่น ย่อมขาดไปในที่นั้น ฯ
[๖๔๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ชฏาภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระ
ผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนักข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ก็แหละท่านชฏาภารทวาชะ ได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง
ในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ดังนี้แล ฯ
สุทธิกสูตรที่ ๗
[๖๔๘] สาวัตถีนิทาน ฯ
ครั้งนั้นแล สุทธิกภารทวาชพราหมณ์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ครั้นแล้ว