พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/201/250 251
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ดูกรแม่ภัททาสุริยวัจฉสา ฉันขอไหว้เท้าติมพรุบิดาเธอ โดยเหตุ ที่เธอเกิด
เป็นนางงาม ปลูกความปลื้มให้แก่ฉัน ฯลฯ ดูกรแม่ ผู้เฉลียวฉลาด ท่าน
ผู้ใดมีธิดาเช่นนี้ ฉันขอน้อมไหว้ท่านผู้นั้น ซึ่งเป็นบิดาของเธอ ซึ่งเป็น
ประดุจสาลพฤกษ์เผล็ดดอกไม่นาน ฉะนั้น ฯ
[๒๕๐] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้แล้ว นางภัททาสุริยวัจฉสา
ได้กล่าวกะข้าพระองค์ว่า ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ ฉันมิได้เห็น พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นในที่เฉพาะ
พระพักตร์เลย เป็นแต่ฉันเคยได้ยินเมื่อ เข้าไปฟ้อนในสุธรรมาสภาของเทวดาชั้นดาวดึงส์เท่านั้น
เมื่อท่านแสดงพระผู้มี พระภาคพระองค์นั้นได้แล้ว วันนี้จงมาร่วมสมาคมกับพวกเราเถิด ข้าแต่
พระองค์ ผู้เจริญ ข้าพระองค์ก็ได้ร่วมสมาคมกับนางนั้น หลังจากนั้น ข้าพระองค์มิได้พูด ฯ
ลำดับนั้น ท้าวสักกะจอมเทพได้ทรงพระดำริว่า ปัญจสิขคันธรรพบุตร ได้ปราศรัยกับ
พระผู้มีพระภาค และพระผู้มีพระภาคก็ทรงปราศรัยกับปัญจสิขคันธรรพบุตร ดังนี้แล้ว ตรัสเรียก
ปัญจสิขคันธรรพบุตรมาตรัสว่า พ่อปัญจสิขะ พ่อ จงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคตามคำของเราว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท้าวสักกะ จอมเทพ พร้อมด้วยอำมาตย์และบริษัท ขอถวายบังคมพระบาท
ของพระผู้มีพระภาค ด้วยเศียรเกล้า ปัญจสิขคันธรรพบุตรทูลรับท้าวสักกะจอมเทพแล้วถวายบังคม
พระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท้าวสักกะจอมเทพ พร้อมด้วยอำมาตย์
และบริษัท ขอถวายบังคมพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรปัญจสิขะ ท้าวสักกะจอมเทพ พร้อมด้วย อำมาตย์และ
บริษัท จงมีความสุขอย่างนั้นเถิด เพราะว่าพวกเทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ และชน
เป็นอันมากเหล่าอื่นใด ซึ่งปรารถนาสุขมีอยู่ ฯ
[๒๕๑] ก็พระตถาคตทั้งหลาย ย่อมตรัสประทานพรเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ เห็นปานนั้น
อย่างนี้แล ท้าวสักกะจอมเทพ อันพระผู้มีพระภาคตรัสประทานพร แล้ว เสด็จเข้าไปยังถ้ำ
อินทสาละ ของพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค แล้วได้ประทับยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง แม้พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ก็เข้าไปยัง ถ้ำอินทสาละ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว
ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ถึงปัญจสิขคันธรรพบุตร ก็เข้าไปยังถ้ำอินทสาละ ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง สมัยนั้น ถ้ำอินทสาละ ซึ่งมีพื้นไม่สม่ำ