พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/200/294 295 296
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
๕. ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา ประกอบด้วยปัญญาที่เห็นเกิดและดับ เป็น
ปัญญาอย่างประเสริฐ เป็นไปเพื่อชำแรกกิเลส จะให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ ฯ
[๒๙๔] สุทธาวาส ๕
๑. อวิหา
๒. อตัปปา
๓. สุทัสสา
๔. สุทัสสี
๕. อกนิฏฐา ฯ
[๒๙๕] พระอนาคามี ๕
๑. อันตราปรินิพพายี
[พระอนาคามีผู้ที่จะปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ทัน
ถึงกึ่ง]
๒. อุปหัจจปรินิพพายี
[พระอนาคามีผู้ที่จะปรินิพพานต่อเมื่ออายุพ้นกึ่งแล้ว
จวนถึงที่สุด]
๓. อสังขารปรินิพพายี
[พระอนาคามีผู้ที่จะปรินิพพานด้วย ไม่ต้องใช้ความเพียร
นัก]
๔. สสังขารปรินิพพายี
[พระอนาคามีผู้ที่จะปรินิพพานด้วย ต้องใช้ความเพียร]
๕. อุทธโสโต อกนิฏฐคามี
[พระอนาคามีผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่ชั้นอกนิฏฐภพ] ฯ
[๒๙๖] ความกระด้างแห่งจิต ๕ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อแน่
ไม่เลื่อมใสในพระศาสดา ผู้มีอายุทั้งหลาย จิตของภิกษุผู้เคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อแน่
ไม่เลื่อมใสในพระศาสดา ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อความประกอบเนืองๆ เพื่อความ
กระทำเป็นไปติดต่อ เพื่อความเพียรที่ตั้งมั่นนี้ความกระด้างแห่งจิตข้อที่หนึ่ง ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อแน่
ไม่เลื่อมใสในพระธรรม ผู้มีอายุทั้งหลาย จิตของภิกษุผู้เคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อแน่