พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/190/110 111
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
นิทธมสูตร
[๑๑๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงปัดเป่ามี ๑๐ประการนี้ ๑๐ ประการ
เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเห็นผิด อันบุคคลผู้มีความเห็นชอบปัดเป่าแล้ว และ
ธรรมอันลามกมิใช่น้อยที่เกิดขึ้นเพราะความเห็นผิดเป็นปัจจัย อันเขาปัดเป่าแล้ว ส่วนกุศลธรรม
มิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์เพราะความเห็นชอบเป็นปัจจัย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความดำริผิด อันบุคคลผู้มีความดำริชอบปัดเป่าแล้ว ... ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การเจรจาผิด อันบุคคลผู้มีการเจรจาชอบปัดเป่าแล้ว ... ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การงานผิด อันบุคคลผู้มีการงานชอบปัดเป่าแล้ว ... ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การเลี้ยงชีพผิด อันบุคคลผู้มีการเลี้ยงชีพชอบปัดเป่าแล้ว ... ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความพยายามผิด อันบุคคลผู้มีความพยายามชอบปัดเป่าแล้ว ... ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความระลึกผิด อันบุคคลผู้มีความระลึกชอบปัดเป่าแล้ว ... ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความตั้งใจผิด อันบุคคลผู้มีความตั้งใจชอบปัดเป่าแล้ว ... ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ผิด อันบุคคลผู้มีความรู้ชอบปัดเป่าแล้ว ... ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความหลุดพ้นผิด อันบุคคลผู้มีความหลุดพ้นชอบปัดเป่าแล้ว และ
อกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะความหลุดพ้นผิดเป็นปัจจัย อันเขาปัดเป่าแล้ว
ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์เพราะความหลุดพ้นชอบเป็นปัจจัย ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงปัดเป่ามี ๑๐ ประการนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
อเสขสูตร
[๑๑๑] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อเสขะๆ ดังนี้ ภิกษุเป็นอเสขะด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ พระ
ผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความเห็นชอบ
อันเป็นอเสขะ ประกอบด้วยความดำริชอบอันเป็นอเสขะ ประกอบด้วยการเจรจาชอบอันเป็นอเสขะ