พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/190/234
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
สัมโพธะ นิพพานะ นั้นเป็นไฉน คืออัฏฐังคิก มรรค เป็นอริยะนี้เอง คือสัมมาทิฏฐิ สัมมา
สังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัม มันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
ดูกรปัญจสิขะ พรหมจรรย์นี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อนิพพิทาโดยส่วนเดียว เพื่อวิราคะ นิโรธะ อุปสมะ
อภิญญา สัมโพธะ นิพพานะ ดูกรปัญจสิขะ ก็บรรดาสาวกของเรา ที่รู้คำสั่งสอนทั่วทั้งหมด
ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะ มิได้ เพราะอาสวะสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่ง
ด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ บรรดาสาวกผู้ไม่รู้คำสั่งสอนทั่วทั้งหมด บางพวกเป็น
โอปปาติกสัตว์ เพราะสิ้น โอรัมภาคิยสังโยชน์ทั้ง ๕ ปรินิพพานในภพนั้น ไม่กลับมาจากโลกนั้น
เป็นธรรมดา ก็มี บางพวกเป็นพระสกทาคามี เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง เพราะราคะ โทสะ
และโมหะเบาบาง กลับมายังโลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วจักทำที่สุดทุกข์ได้ก็มี บางพวกเป็นพระ
โสดาบัน เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง มีความไม่ตกต่ำเป็น ธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้
เป็นเบื้องหน้าก็มี ฯ
ดูกรปัญจสิขะ ด้วยประการฉะนี้แล บรรพชาของกุลบุตรเหล่านี้ทั้งหมด เทียว ไม่เปล่า
ไม่เป็นหมัน มีผล มีกำไร ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ปัญจสิขะคันธรรพบุตร ยินดี ชื่นชม
อนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหายไป ณ
ที่นั้นเอง ฉะนี้แล ฯ
จบมหาโควินทสูตร ที่ ๖
----------------------------------